รายงานพิเศษ/จักรพันธ์ นาทันริ

นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล ประธานหอการค้า จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า  การเลือกตั้งครั้งนี้ส่งผลต่อการจ้างงานในพื้นที่อย่างมาก ทุกพรรคการเมืองที่ลงสมัครรับการเลือกตั้งมีการจ้างรถแห่,จ้างเครื่องเสียง เวทีและระบบไฟในการปราศรัยหาเสียง รวมไปถึงการจ้างทำป้าย สติกเกอร์ แผ่นพับและใบปลิว ตามระเบียบที่ กกต.กำหนด ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งรับงานในช่วงเลือกตั้งครั้งนี้กันอย่างคึกคัก ขณะเดียวกันเมื่อสำรวจไปยังกลุ่มสถานบริการและประกอบการด้านที่พัก ร้านอาหาร และการคมนาคมขนส่ง พบว่า เที่ยวบินเต็ม ,ที่พักมีอัตราการจองเยอะขึ้น ร้านอาหารมีการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการเกิดการใช้จ่ายที่คึกคักมากขึ้นในช่วงนี้อย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาหรือช่วงไตรมาสแรกอย่างชัดเจน               

“หากให้ประเมินเป็นมูลค่าการใช้ข่ายในธุรกิจที่เกี่ยวข้องโดยตรงและทางอ้อมนั้น น่าจะสะพัดไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท หากนับรวมเฉพาะช่วงหลังจากที่มีการประกาศให้มีการเลือกตั้งเมื่อเดือน มี.ค. ซึ่งต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ได้รับความสนใจจากคนขอนแก่นและคนไทยทั้งปะเทศอย่างมาก เฉพาะการเลือกตั้งล่วงหน้า มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งที่ขอนแก่น กว่า 30,000 คน ดังนั้นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ที่จะถึงวันเลือกตั้งจริงการเดินทางกลับภูมิลำเนา ก็จะคึกคักมากขึ้นเพราะทุกคนต้องมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งจากการสอบถามสายการบินพาณิชย์พบว่าบางเที่ยวบินเต็มทั้งสัปดาห์ ที่พักหลายโรงแรมมีการจองมากขึ้น รถโดยสารมีจำนวนผู้โดยสารมากกว่าร้อยละ 90 บางรอบเวลาเต็มทั้งคัน จากยอดการจองตั๋วล่วงน้า ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจในการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ขอนแก่นในระยะนี้อย่างมาก”

ประธานหอการค้าขอนแก่น กล่าวต่ออีกว่า นโยบายในการหาเสียงของทุกพรรคการเมืองนั้นขอให้ทำจริง ทำทันที และทำให้ได้ ที่สำคัญคือให้เกิดความยั่งยืนไม่ใช่มาบอกจะแจกจ่ายอย่างเดียวแต่ต้องคำนึงถึงองค์รวมของประเทศและพื้นฐานของประชาชนทุกกลุ่มเป็นสำคัญ และเมื่อการเลือกตั้งแล้วเสร็จมีรัฐบาลชุดใหม่ อยากให้มีการพิจารณาเรื่อง พรบ.งบประมาณและเร่งรัดการเบิกจ่ายภาครัฐให้รวดเร็วมากขึ้นเพราะห้วงเวลาในการเลือกตั้งและห้วงเวลาในการพิจารณางบประมาณนั้นสวนทางกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระดับภูมิภาคที่ยังคงต้องอาศัยงบภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจในองค์รวมด้วย นอกจากนี้ยังคงต้องมองหาอาชีพหรือการสนับสนุนในการสร้างรายได้ชดเชยและทดแทนจากสถานการณ์ภัยแล้งที่เป็นปัญหาหลักของภาคอีสานและเริ่มส่งผลกระทบในจังหวัดต่างๆแล้วในขณะนี้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำจริง และทำให้ได้ และขับเคลื่อนประเทศในภาคส่วนต่างๆอย่างเด่นชัดทันทีตามที่ได้หาเสียงไว้

ด้าน น.ส.กัญญาภัทร ขะพินิจ อายุ 59 ปี อาชีพแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ชาวจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า คาดหวังว่าอยากให้เห็นเศรษฐกิจดีขึ้น อยากให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ทำยังไงก็ได้ขอให้ประชาชนรากหญ้าอยู่ดีกินดี ทำมาค้าขายดี อยากได้นายกรัฐมนตรีคนที่พูดจริงทำจริง พูดแล้วไม่โกหกไม่หลอกลวงพูดแล้วต้องทำให้ได้ตามนโยบายที่หาเสียงไว้ ไม่ใช่หาเสียงไว้อย่างดีแต่พอเวลาได้เป็นแล้วทำไม่ได้อย่างที่หาเสียง 

"ถ้าได้เข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วอยากให้ทำเป็นลำดับแรกๆคือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและที่สำคัญคือเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ทำมาหากินอยู่ทุกวันนี้ขายยากมาก อยากให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องสลากฯแพง เกินราคา กี่รัฐบาลมีแต่พูดแต่ไม่เคยทำได้จริงๆ ทุกวันนี้คนขายสลากฯ ยากขึ้นเพราะมีสลากดิจิตอลเข้ามาแย่งโควต้าและอีกปัญหาคือสลากฯแพงมาก อยากให้แก้ให้ได้ซักที"

ขณะที่ น.ส.สุนิตรา อุไกรษา อายุ 49 ปีอาชีพ พนักงานบริษัท ชาว จ.ขอนแก่น กล่าวว่า คาดหวังว่าจะได้รัฐบาลที่สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนได้ อย่างเรื่องค่าไฟฟ้าแพง ค่าน้ำมันแพง ปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาขั้นพื้นฐานที่ประชาชนหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องพบเจอ แต่จะทำยังไงถึงจะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ประชาชนได้อย่างยั่งยืนซึ่งยังไม่มีรัฐบาลไหนที่แก้ปัญหาแบบนี้ได้มีแต่แก้แบบฉาบฉวยซึ่งมองว่ามันไม่ยั่งยืน 

"อยากได้นายกรัฐมนตรีเป็นคนรุ่นใหม่เพราะถ้าเราเลือกคนรุ่นเก่ามาก็จะได้แต่สิ่งเดิมๆ เก่าๆ เราควรให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้เข้ามาทำงาน ถ้าเราไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่าทำงานได้หรือไม่ได้ เพราะตอนที่เลือกครั้งที่ผ่านๆมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคนรุ่นเก่า เลือกแบบเก่าๆ ก็จะได้อะไรแบบเก่า อายุไม่ใช่ตัวชี้วัดความเก่ง หากเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้วอยากให้แก้ปัญหาอยากให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจกระตุ้นเศรษฐกิจพอเศรษฐกิจไปได้ประชาชนจะได้ทำมาหากินสะดวก"