‘ไทยศรีวิไลย์’ บวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สร้างขวัญกำลังใจในช่วงโค้งสุดท้าย – พร้อมร่วมขบวนมอเตอร์ไซด์ 100 คันแห่ไปในพื้นที่ที่สำคัญในกรุงเทพฯ เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนในวันที่ 14 พ.ค. – ‘มงคลกิตติ์’ เชื่อประชาชนให้โอกาส ‘ไทยศรีวิไลย์’ ให้มีที่นั่งในสภามากขึ้นกว่าเดิม ประกาศลั่นไม่ยกเลิก ม.112 พร้อมจะสู้ทุกรูปแบบกับพรรคการเมืองที่มีความคิดที่ไม่ปกติ ที่จะสร้างความปั่นป่วนให้คนในชาติ​และปั่นหัวสมองเยาวชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์  ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยทีมผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคฯ ได้แก่ นางสาวภคอร จันทรคณา รองหัวหน้าพรรคฯ  พล.ท.อัศวิน รัชฎานนท์   รองหัวหน้าพรรคฯ  นายวิวัฒน์  เจริญพาณิชย์ศิริ รองหัวหน้าพรรคฯ พล.ท.ดร.กฤตภาส คงคาพิสุทธิ์ประธานยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน นายศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรคฯ นายสรกฤช  จันทรคณา  โฆษกพรรคฯ นายอนวรรช  ศรีคำเงิน กรรมการบริหารพรรคฯ  นายรุ่งโรจน์ อิบรอฮีม กรรมการบริหารพรรคฯ  และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคไทยศรีวิไลย์ ร่วมกันทำพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการหาเสียงสนับสนุนในช่วงโค้งสุดท้าย ณ วัดอินทารามวรวิหาร แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะร่วมขบวนมอเตอร์ไซด์จำนวน 100 คัน เพื่อแห่ไปตามเส้นทางต่างๆ  ตั้งแต่ วัดอินทาราม วงเวียนใหญ่ สะพานพุทธฯ ปากคลองตลาด สนามหลวง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนหลานหลวง ถนนเพชรบุรี แยกราชเทวี สะพานหัวช้าง แยกมาบุญครอง หัวลำโพง เยาวราช สะพานพระปกเกล้าฯ ก่อนวนรอบวงเวียนใหญ่ อีก 1 รอบ แล้วเข้าไปยังเส้นทางท่าพระ และไปสิ้นสุดที่เขตบางแค เพื่อขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพื่อให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์ ให้มากที่สุด ในการเลือกตั้ง ส.ส. วันที่ 14 พฤษภาคมนี้

โดยนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า  ตนและผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ได้ทำร่วมกันทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการบวงสรวงดวงพระวิญญาณขององค์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ภายในวัดอินทารามวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญมากในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระราชดำริว่า  เป็นวัดที่มีความสงบวิเวก เหมาะแก่การประพฤติปฏิบัติธรรม จึงได้มีพระราชศรัทธาทำนุบำรุง  ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งศาสนวัตถุและ  ศาสนสถาน ทรงอุทิศเวลาเสด็จมาประทับแรมทรงศีล และปฏิบัติพระกรรมฐาน ณ วัดอินทารามอยู่เนืองๆ รวมทั้ง วัดอินทารามฯ ยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบรมอัฐิของสมเด็จกรมหลวงบาทบริจา (พระนางสอน) พระอัครมเหสีของพระองค์ ภายในพระเจดีย์กู้ชาติ 2  องค์ อีกด้วย ถือเป็นน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่กอบกู้เอกราชของชาติไทย และเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในการออกไปสู้ศึกเลือกในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งพรรคไทยศรีวิไลย์ยังมีความเชื่อมั่นว่า เมื่อประชาชนเห็นถึงความตั้งใจและนโยบายของพรรคที่ต้องการให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด พร้อมสร้างสังคมไทยเป็นสังคมสงบสุข ปราศจากความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส แล้ว เสียงสนับสนุนจากประชาชนที่มีต่อพรรคไทยศรีวิไลย์ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะทำให้ตนและผู้สมัคร ส.ส.ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อของพรรคฯ ได้เข้าสภาทำงานให้ประชาชนเป็นจำนวนมาก

"ที่ผมและพรรคไทยศรีวิไลย์ เลือกมาบวงสรวงที่วัดอินทาราม​ เนื่องจากวัดนี้เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระเจ้าตากสิน​มหาราช พระมหากษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชของชาติไทย ภายหลังจากที่กรุงศรีอยุธยา เสียเอกราชจากพม่า เมื่อปี 2310 ทั้งนี้ พระองค์และกองทัพได้ใช้เวลากอบกู้เอกราชเป็นเวลา 7 เดือน ทั้งนี้ ผมเชื่อว่า หากไม่มีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก็ไม่มีแผ่นดินไทยให้อยู่​ ดังนั้น ผม จึงอยากสื่อไปถึงพี่น้องประชาชนถึงจุดยืนของพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่จะเชิดชูและรักษาพระเกียรติยศของบรรพกษัตริย์ในอดีต โดยผมเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์  มีแค่บางส่วนที่เข้าใจผิด แต่เชื่อว่าปรับความเข้าใจได้  เพราะ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา​ 112 ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนแต่คนที่เดือดร้อนคือคนที่คิดไม่ดี  และคนที่รณรงค์คือคนที่คิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ดังนั้น ผมจึงอยากฝากถึงนายพิธา​ ลิ้มจริญ​รัตน์​ หัวหน้าพรรคก้าวไกล​ ว่า​ อย่าสร้างความไม่มั่นคงในชาติชาติ เพราะประเทศชาติของเรามีความมั่นคงอยู่แล้ว และหลังจากนี้ชาติไทยมีแต่พัฒนามากขึ้น เพราะว่าสถาบันพระมหากษัตริย์วางรากฐานไว้อย่างดีแล้ว​ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนแปลง  ส่วนเยาวชนอายุ 15-20 ปีที่ติดคดีกว่า 200 คน​ ตนเชื่อว่าถ้าหากพรรคไทยศรีวิไลย์เป็นรัฐบาล​จะสามารถจัดการได้  ขอแค่ให้เยาวชนปรับความคิดให้เข้าใจว่ารากเหง้าของพื้นแผ่นดินไทยเป็นอย่างไร​ บรรพบุรุษเป็นอย่างไรและสถาบันฯ ของเราเสียสละให้กับประเทศชาติมากแค่ไหน ถ้าประเทศไทยไม่มีพระองค์ท่านก็ไม่มีพื้นแผ่นดินไทยอยู่จนถึงทุกวันนี้​ เพราะฉะนั้น ผมจึงต้องการให้ประชาชนเลือกให้ชัดเจนว่าจะอยู่ฝ่ายไหน​ หากอยู่ฝ่ายแก้ไขหรือยกเลิกม.112 ก็เป็นอีกฝ่ายหนึ่ง และหากอยู่ฝ่ายไม่ยกเลิก​ ไม่แก้ไข​ ม.112​ ก็ขอให้เลือกพรรคไทยศรีวิไลย์​ เบอร์ 42  เพราะตนและสมาชิก​พรรคพร้อมจะสู้ทุกรูปแบบกัพรรคการเมืองที่มีความคิดที่ไม่ปกติ ที่จะสร้างความปั่นป่วนให้คนในชาติ​ปั่นสมองเยาวชน ซึ่งตนเชื่อว่าแผ่นดินไทยศักดิ์สิทธิ์​ คนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมืองจะมีอันเป็นไปทุกราย ไม่สามารถอยู่รอดได้" นายมงคลกิตติ์กล่าว

   

  

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ส่วนขบวนรถมอเตอร์ไซด์จำนวน 100 คัน ที่จะแห่ไปยังที่ต่างๆ โดยรอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร นั้น ถือเป็นการบ่งบอกตัวตนของตนเองว่า เป็นคนชอบลุยไปในที่ต่างๆ เพื่อไปแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างทันท่วงที ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมาที่ได้รับโอกาสจากประชาชนในการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ตนก็ได้อภิปรายในเรื่องต่างๆ จนเป็นที่ถูกอกถูกใจของประชาชน แต่มาถึงวันนี้ ตนต้องการให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคไทยศรีวิไลย์ สามารถทำอะไรให้กับประชาชนได้มากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้น จึงได้มีการจัดขบวนมอเตอร์ไซด์แห่ไปตามเส้นทางต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญ โดยเป็นแหล่งรวมทางการค้าและผู้คนสัญจรไปมา ซึ่งผมหวังว่า ผู้คนที่อยู่บริเวณดังกล่าวนั้น จะมีคนทุกๆจังหวัดในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญ ในการบอกกล่าวให้เลือก พรรคไทยศรีวิไลย์ เข้าไปทำงานในสภา เพื่อผลักดันนโยบายทั้ง 41 ด้าน เพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศด้วย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายมงคลกิตติ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน และแสดงถึงจุดยืนที่จะไม่แก้ไขมาตรา 112 แล้ว ปรากฏว่า มีตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์​ที่ได้มาให้กำลังใจนายมงคลกิตติ์ และพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว โดยระบุว่า พวกตนไม่เห็นด้วยสำหรับการยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 เนื่องจากตนและพี่น้องชาติพันธุ์อาศัยอยู่บนพื้นแผ่นดินไทยของพระมหากษัตริย์ หากไม่มีพระมหากษัตริย์ตนก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนตนจึงต่อต้านเรื่องนี้​เช่นกัน ขณะที่ตัวแทนพี่น้องมุสลิม​เผยว่าที่ผ่านมาตนใช้ชีวิตใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กว่า 20 ปี มาตรา 112 ไม่มีผลกระทบอะไรกับศาสนาอิสลาม​ เพราะศาสนาอิสลามสอนว่าต้องให้เกียรติและไม่ดูหมิ่นใครอีกด้วย  ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีบรวงสรวงนายมงคลกิตติ์​ และคณะ ร่วมขบวนรถมอเตอร์ไซด์จำนวน 100 คัน​พร้อมธงสีทองมีข้อความว่า ​"ไม่ยกเลิกม.112"  โดยนายมงคลกิตติ์เป็นผู้ขับขี่นำขบวนตั้งแต่ วัดอินทาราม​ไป​จนถึง​วงเวียนใหญ่​ และเมื่อรถมอเตอร์ไซต์เคลื่อ​นขบวนมาถึงบริเวณวงเวียนใหญ่​นายมงคลกิตติ์เปลี่ยนไปขึ้นรถแห่หาเสียง​ พร้อมประกาศชัด​ ว่า​ ​ "ไม่ยกเลิก​ ไม่แก้ไข​ มาตรา112 ผู้ใดคิดแก้ไขยกเลิกมันคือกบฏแต่ราชอาณาจักรไทย"  ซึ่งบรรยากาศระหว่างทาง​มีประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก​ และเข้ามาทักทายให้กำลังใจนายมงคลกิตติ์และพรรคไทยศรีวิไลย์เป็นระยะ​ๆ