คอลัมน์ดนตรี / วรรณากร 

ก่อนหน้ายุคเฟื่องฟูของสปอติฟายและติ๊กต๊อก ช่องทางของการเผยแพร่ผลงานยอดนิยมของผู้ที่อยากแจ้งเกิดเป็นศิลปินคือเว็บไซต์ มายสเปซ

กล่าวได้ว่า ถ้าไม่มีมายสเปซ ก็อาจไม่มีโคลบี คาเลต์ในวันนี้ เพราะเธอคือหนึ่งในศิลปินที่แจ้งเกิดได้เพราะแพลตฟอร์มนี้ ได้เซ็นสัญญากับค่ายใหญ่อย่างยูนิเวอร์แซลมิวสิคเพราะเพลง “Bubbly” ที่แสนฮิตของเธอเมื่อ 16 ปีที่แล้ว

ผลงานแบบสตูดิโออัลบั้มชุดสุดท้ายของ คาเลต์ คือ The Malibu Sessions ซึ่งออกมาเมื่อปี 2559 หลังจากนั้นเธอก็ไปทำงานในรูปของวงที่ชื่อว่า Gone West กับ จัสติน ยัง คู่หมั้นหนุ่ม, เจสัน รีฟส์ นักแต่งเพลงคู่หูของเธอ และ เนลลี่ จอย ภรรยาของ รีฟส์ ซึ่งกินเวลาราว ๆ 2 ปี ก่อนที่จะยุบวงกันไปหลังจากที่เธอจบความสัมพันธ์กับคู่หมั้น

ที่จริงแล้ว คาเลต์ กำลังจะมีอัลบั้มใหม่ออกมาเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเธอก็เพิ่งปล่อยซิงเกิล “Worth It” ออกมา แต่ระหว่างที่แฟน ๆ กำลังรออย่างใจจ่อใจจดอยู่นี้ เธอก็ปล่อยงานในแบบรวมเพลงที่ชื่อว่า Will You Count Me In ออกมาให้ฟังไปพลาง ๆ ก่อน

คาเลต์ บอกว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเลือกเพลงทั้ง 17 เพลงมารวมในอัลบั้มนี้ มาจากการที่เธอได้ดูคลิปวิดีโอที่นำเพลง “Try” ไปใช้ ทำให้เธอรู้สึกว่าอยากจะกลับไปฟังเพลงเก่า ๆ ของตัวเองที่ทำออกมาตลอดเวลาเกือบ 20 ปี นับตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ แล้วก็เลยลองคัดเพลงที่เธอชอบออกมารวมไว้เป็นอัลบั้ม

แน่นอนว่าในงานชุดนี้ต้องมีเพลงฮิตสุด ๆ อย่าง “Bubbly”, “Realize”, “Lucky” ที่เธอร้องคู่กับ เจสัน มราซ, “Fallin’ For You”, “Favorite Song”, “Btighter Than The Sun”, “I Do” และที่ขาดไปไม่ได้คือเพลง “Try”

การได้นั่งฟังเพลงที่เธอคัดมาจากอัลบั้มแรก (Coco) ไปจนถึงอัลบั้มหลัง ๆ (All Of You, Gypsy Heart) ทำให้คิดถึงวันเก่า ๆ ที่เคยใช้เพลงของเธอประกอบคลิปสไลด์โชว์ในโซเชียลมีเดียรุ่นแรกอย่าง ไฮไฟว์ และการฟังเพลงของเธอผ่าน มายสเปซ เช่นเดียวกับที่คนยุคนี้ฟังผ่านจูกซ์หรือสปอติฟาย พร้อมกันนั้นก็รู้สึกทึ่งว่า กาลเวลาที่ผ่านมากว่าทศวรรษ ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเพลงของ คาเลต์ เก่าหรือเชย

สิ่งนี้ไม่ได้น่าแปลกใจเพราะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า นอกเหนือไปจากท่วงทำนองไพเราะแล้ว คำพูดและเนื้อหาในเพลงของ คาเลต์ คือส่วนสำคัญที่ทำให้เพลงของเธอยังอยู่ในใจของผู้คนและยืนหยัดผ่านยุคสมัยมาได้อย่างสง่างาม

 

เครดิตภาพ : Twitter / @ColbieCaillat