ช้อปสะพัดรับเศรษฐกิจฟื้น พร้อมกระแสเลือกตั้งหนุน ส่งกำลังซื้อและความเชื่อมั่นจากผู้บริโภคพุ่ง ดัน “แม็คกรุ๊ป” งวด 9 เดือนรายได้ 2,832 ล้านบาท กำไร 525 ล้าน ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องและทะลุปี 65 ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกช่องทางจำหน่าย เดินหน้าขยาย Mc Outlet ต่อเนื่องรองรับกำลังซื้อ
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ MC องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและสินค้าไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน รอบปีบัญชี 2566 (1 ก.ค.65-31 มี.ค.66) ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 525 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.3% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 364 ล้านบาท มีอัตรากำไรสุทธิ 18.6% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 16.8% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังสูงที่ระดับ 64.9% เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 64.4% โดยในงวด 9 เดือน บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า 2,832 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 662 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“รายได้และกำไรของบริษัทในงวด 9 เดือน เติบโตแข็งแกร่ง ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าที่ทำได้กว่า 2,832 ล้านบาท เกือบเท่ากับปี 2565 ทั้งปีที่มีรายได้ทั้งสิ้น 2,949 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิงวด 9 เดือนทำได้ 525 ล้านบาท สูงกว่าปี 2565 ทั้งปี โดยปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 486 ล้านบาท” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แม็คกรุ๊ป กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีบัญชี 2566 (1 ม.ค.66-31 มี.ค.66) บริษัทมีกำไรสุทธิ 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 110 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 17.0% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 14.8% โดยบริษัทมีรายได้จากการขายสินค้ารวม 957 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 219 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยผลประกอบการของบริษัทเติบโตไปในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศ หลังจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ราคาขายปลีกน้ำมันที่ปรับตัวลดลง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 มาตรการลดค่าครองชีพต่างๆ อีกทั้งประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเลือกตั้งกลางเดือนพฤษภาคมนี้ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่นมีกำลังซื้อมากขึ้น เป็นส่วนสนับสนุนให้ยอดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นในทุกช่องทางขาย รวมไปถึงการเปิดช่องทางการขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Mc Outlet ที่เปิดครบ 100 สาขาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และมีแผนขยายต่อเนื่องเพื่อรองรับกำลังซื้อที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปีบัญชี 2566 สัดส่วนรายได้จากช่องทางร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) ซึ่งเป็นช่องทางหลักมีสัดส่วนประมาณ 65% มีรายได้จากการขายสินค้า 624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.7% ขณะที่งวด 9 เดือนมีรายได้ 1,855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.2% ห้างสรรพสินค้า (Department Store)ที่มีสัดส่วน 22% ในไตรมาส 3 มีรายได้จากการขายสินค้า 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% ขณะที่งวด 9 เดือน มีรายได้ 640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce) ที่มีสัดส่วน 9% ในไตรมาส 3 มีรายได้ 87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5% ขณะที่งวด 9 เดือน มีรายได้จากการขายสินค้า 240 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย และที่เหลือเป็นช่องทางอื่นคิดเป็นสัดส่วน 3%
สำหรับ ณ วันที่ 31 มี.ค.66 กลุ่มบริษัทมีส่วนผู้ถือหุ้น 3,613 ล้านบาท ลดลง 61 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 30 มิ.ย. 2565 ที่มีส่วนของผู้ถือหุ้น 3,675 ล้านบาท จากการจ่ายเงินปันผลออกไปให้กับผู้ถือหุ้น 582 ล้านบาท ขณะที่เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น อยู่ที่ 1,774 ล้านบาท ลดลง 222 ล้านบาท จาก 1,995 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.65 เนื่องจากมีการลงทุนเพิ่มขึ้น