ปลัดประทรวงอุตสาหกรรมถกด่วน Chairman Toyota กรณีรถยนต์ Yaris Ativ ที่ใช้ทดสอบมาตรฐานการชนด้านข้าง ตรวจพบรอยบากตรงแผงด้านข้างประตูฝั่งคนขับ สั่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงตรวจสอบชิ้นส่วนที่โรงงานเกตเวย์ภายในสัปดาห์นี้
ดร.ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการเข้าพบของนายอากิโอะโตโยดะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รวมถึง เจ้าหน้าที่บริหารพื้นภาคเอเชีย และผู้บริหารระดับสูงบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 เพื่อชี้แจงกรณีรถยนต์ Yaris Ativ (ยาริส เอทีฟ) ที่ใช้ทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยในการปกป้องผู้ขับขี่จากการชนด้านข้างตามมาตรฐาน UN R95 (Protection of the Occupants in the event of a Lateral Collision) ตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ได้ตรวจพบความไม่สมบูรณ์ของรถยนต์ที่ใช้ทดสอบว่ามีรอยบากบริเวณด้านข้างแผงประตูรถยนต์ฝั่งคนขับ ซึ่งเกิดขึ้นก่อนนำรถไปทดสอบตามมาตรฐาน UN R95 ว่า จากการหารือร่วมกัน ได้รับทราบถึงความเสียใจของบริษัทที่ทำให้ผู้บริโภคคนไทยเกิดความไม่มั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัยในรถยนต์ Yaris Ativ เนื่องจาก โตโยต้าเป็นแบรนด์ใหญ่ที่คนไทยรู้จักและได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆของประเทศ อย่างไรก็ตาม ต้องขอชื่นชมบริษัท โตโยต้าฯ ซึ่งได้ตรวจพบความไม่สมบูรณ์ของรถทดสอบ แล้วรีบแจ้งให้ผู้บริโภคคนไทยทราบในทันที
ขณะเดียวกันได้ส่งรถยนต์ที่ผลิตและจำหน่ายจริงในประเทศ ไปทำการทดสอบยืนยันที่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ารถยนต์Yaris Ativ ผ่านการทดสอบมาตรฐานการชนด้านข้าง และได้รับการรับรองจากหน่วยงานภายนอกที่มีอำนาจในการตรวจสอบมาตรฐานแล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติด้านความปลอดภัยของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล รุ่นที่ 2 (ECO Car 2) ตามข้อกำหนดของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งต้องผ่านการทดสอบคุณสมบัติในด้าน “สะอาด ประหยัด ปลอดภัย” ตามมาตรฐานสากล โดยบริษัทโตโยต้าฯ ได้ยื่นผลทดสอบที่ผ่านตามมาตรฐานการชนด้านข้าง UN R95 ที่ออกโดยหน่วยทดสอบที่เป็นสากลให้กับกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาต่อไปแล้ว
โดยมาตรฐานด้านความปลอดภัยมีความสำคัญต่อประชาชนผู้ใช้รถยนต์ จึงกำหนดเป็นคุณสมบัติหนึ่งของโครงการรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (ECO Car) ทั้งนี้ ในปัจจุบันสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) อยู่ระหว่างการดำเนินงานออกประกาศกำหนดให้คุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสารกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุการชนด้านข้าง (UN R95) และคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสารกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุการชนด้านหน้า (UN R94) ให้เป็นมาตรฐานบังคับสำหรับรถยนต์นั่งทุกประเภท รวมทั้ง อยู่ระหว่างการจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือทดสอบมาตรฐานด้านหน้าและด้านข้างเพื่อให้บริการทดสอบที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) ณ อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา
ทั้งนี้นอกจากกระทรวงอุตสาหกรรม จะทำการตรวจสอบผลทดสอบและเอกสารรับรอง (Certification) ของมาตรฐานการชนด้านข้าง (UN R95) แล้ว ยังได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ไปตรวจสอบชิ้นส่วนแผงด้านข้างประตูรถยนต์ฝั่งคนขับ และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง ณ โรงงานผลิตรถยนต์โตโยต้า ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายในสัปดาห์นี้อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคชาวไทยมั่นใจได้ว่า รถยนต์ Yaris Ativ ที่จำหน่ายในประเทศไทย มีมาตรฐานด้านความปลอดภัย รวมทั้งมีการใช้ชิ้นส่วนหรือใช้วัสดุสำหรับผลิตชิ้นส่วนเช่นเดียวกับรถยนต์ที่ออกแบบไว้ทุกประการหลังจากนั้น บริษัท โตโยต้าฯ จะกลับมาผลิตรถยนต์รุ่นดังกล่าวเพื่อจำหน่ายและส่งมอบให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้ต่อไป
นายอากิโอะ โตโยดะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทโตโยต้าขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งบริษัทมีกระบวนการในการปฏิบัติก่อนส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้า และการตรวจสอบมาตรฐานดังกล่าว เป็นกลไกหนึ่งของมาตรฐานโตโยต้า เมื่อเราพบกับปัญหาดังกล่าว บริษัทได้หยุดจำหน่ายและทำการทดสอบยืนยันอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจในมาตรฐานความปลอดภัย ขอยืนยันว่า กรณีนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องความปลอดภัย และคุณภาพของรถยนต์ แต่เป็นส่วนของการรับรองมาตรฐานที่พบความไม่เหมาะสมของการทดสอบ ทั้งนี้ ความไม่เหมาะสมดังกล่าว ทางบริษัท ไดฮัทสุ เป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาตัวถังและการขอใบรับรอง ได้ดำเนินการทดสอบกันชนด้านข้างอีกครั้ง ณ ห้องทดสอบประเทศญี่ปุ่นแล้ว โดยขอยืนยันว่าการดำเนินงานดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนด UN-R95 ทั้งหมด
โดยการทดสอบการชนด้านข้างตาม UN R95 จะทำการทดสอบโดยนำรถยนต์ทดสอบจอดอยู่นิ่งไว้ แล้วใช้แท่งน้ำหนัก (Barrier) เคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พุ่งเข้าชนรถยนต์ทดสอบ โดยภายหลังการชนจะมีการตรวจวัดแรงกระแทกจากการชนไปยังคนขับหรือหุ่นทดสอบ (Dummy)ตรงบริเวณหัว ทรวงอก กระดูกเชิงกรานและท้องว่า มีค่าเท่าไร โดยต้องไม่เกินกว่าค่ามาตรฐานกำหนด รวมทั้ง มีการตรวจสอบสภาพของรถหลังถูกชนว่า พบการรั่วไหลของของเหลวหรือไม่ มีการเสียรูปของอุปกรณ์ภายในรถยนต์ที่เป็นอันตรายต่อผู้โดยสารหรือไม่ และประตูรถฝั่งตรงข้ามคนขับต้องสามารถเปิดได้โดยไม่มีการใช้อุปกรณ์ใดช่วยเพื่อนำผู้โดยสารออกมาได้อย่างปลอดภัย