SIMAT-OTO ได้ฤกษ์ ส่งยานลูก "ฮินซิซึ" ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 71 ล้านหุ้น ระดมทุนและเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในปีนี้ รองรับแผนขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

นายบุญเลิศ เอี้ยวพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT) เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา  บริษัท ฮินซิซึ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SIMAT ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 71,000,000 หุ้น คิดเป็น 28.17% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจ (Sector) วัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร (INDUS) โดยมีบริษัท ดิสคัฟเวอร์ แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับหุ้นที่จะเสนอขายครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 52,000,000 หุ้น เสนอขายโดยบริษัทฯ คิดเป็น 20.63% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดหลัง IPO และ 2) หุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่เกิน 19,000,000 หุ้น เสนอขายโดย SIMAT คิดเป็น 7.54% บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้หลังหักค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสนอขายแล้ว เพื่อชำระคืนหนี้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน, ลงทุนทรัพย์สินและ/หรือลงทุนในกิจการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจปัจจุบัน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้สำหรับการดำเนินการทั่วไป

โดย ฮินซิซึ ประกอบธุรกิจรับจ้างผลิตและจำหน่ายงานซิลค์สกรีนเนมเพลท ซึ่งใช้สำหรับแสดงข้อความ สัญลักษณ์และปุ่มกดบนเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ เครื่องปรับอากาศ เครื่องปริ้นเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น และรับจ้างพิมพ์และจำหน่ายเลเบลหรือสติ๊กเกอร์ รวมทั้งผลิตและจำหน่ายชิ้นงานปั๊มตัดและปั๊มขึ้นรูป โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่ บริษัทย่อย คือ บริษัท ไซแมท เลเบล จำกัด (SL) ดำเนินธุรกิจรับจ้างพิมพ์และจำหน่ายเลเบลหรือสติ๊กเกอร์ที่ส่วนใหญ่ใช้ในงานอุตสาหกรรม และผลิตชิ้นงานปั๊มโลหะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นส่วนประกอบในโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเรียกว่า ซัสเพลท (Sus Plated) ทำหน้าที่เสริมความแข็งแรงให้กับวงจรไฟฟ้า และ บริษัท ฮินซิตซุ พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (HPT) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ซิลค์สกรีนเนมเพลทชนิดพรีเมี่ยมเรียกว่า In Mold Decoration (หรือ Injection Mold Decoration) (IMD) ซึ่งเป็นชิ้นงานซิลค์สกรีนเคลือบหรือหล่อขึ้นรูปด้วยพลาสติกทำให้ฉลากกับชิ้นงานหลอมเป็นเนื้อเดียวกันทำให้ได้งานที่สวยงาม ไม่หลุดลอก ซึ่งจะสร้างความแข็งแรงทนทาน เพิ่มมูลค่าและอายุการใช้งานให้กับผลิตภัณฑ์ซิลค์สกรีน

ทั้งนี้ปัจจุบันธุรกิจหลักของกลุ่มแบ่งออกเป็น 4 ผลิตภัณฑ์หลัก ดังนี้ 1) ผลิตภัณฑ์ซิลค์สกรีน (Silk Screen) ส่วนใหญ่จะใช้แสดงสัญลักษณ์บนแผงควบคุมการทำงานหรือแสดงวิธีการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องปริ้นเตอร์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังประยุกต์ใช้เทคนิคการทำซิลค์สกรีนเพื่อออกแบบและพิมพ์ลายวงจรไฟฟ้าบนแผ่นฟิล์มพลาสติกด้วยหมึกพิมพ์ที่เป็นตัวนำไฟฟ้า เพื่อใช้ในการรับคำสั่งและควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งจะส่งให้กับ HPT เพื่อเคลือบและหล่อขึ้นรูปพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ IMD ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าและเพิ่มมูลค่าให้สินค้าของกลุ่ม
2) ผลิตภัณฑ์เลเบลหรือสติ๊กเกอร์ (Label/Sticker) เป็นการพิมพ์และ/หรือตัดสติ๊กเกอร์ตามรูปแบบที่ลูกค้ากำหนด หลากหลายประเภทที่ใช้สำหรับอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เลเบลที่ป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิตย์ เลเบลสำหรับพิมพ์บาร์โค้ด เลเบลที่ใช้งานที่อุณหภูมิสูง กระดาษหรือเลเบลชนิดไม่ใช้หมึกพิมพ์ (Ribbonless) และฉลากประหยัดพลังงาน เป็นต้น

3) ผลิตภัณฑ์ปั๊มตัดหรือปั๊มขึ้นรูป (Press/ Die-Cut) เป็นการตัดหรือขึ้นรูปชิ้นงานแผ่นวัตถุดิบพลาสติก เทปกาว เลเบล หรือ วัสดุอื่นๆ ตามรูปแบบที่ลูกค้ากำหนด 4) ผลิตภัณฑ์ปั๊มโลหะ (Stamping) เป็นงานปั๊มขึ้นรูปแผ่นโลหะสแตนเลสหรือวัสดุชนิดอื่นตามรูปแบบที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งส่วนใหญ่เรียกว่า Sus Plated ใช้เป็นชิ้นส่วนเพื่อเสริมความแข็งแรงของแผงวงจรไฟฟ้าให้กับโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ทั้งนี้ บริษัทย่อยอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าเพื่อยกเลิกการผลิต Sus Plated เนื่องจากไม่สอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว

โดยโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลักมี บมจ.ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT) ถือหุ้น 63.00% หลัง IPO จะลดลงเหลือ 42.46% นายวินเซ็น ลัว บิค ยอง ถือ 20.00% จะลดเหลือ 15.87% นายเชียน ควัน ซิน 10.00% จะลดเหลือ 7.94% และ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) 7.00% จะลดเหลือ 5.56% ผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 63-65) กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 586.43 ล้านบาท 604 ล้านบาท และ 582.39 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิ จำนวน 86.95 ล้านบาท 79.09 ล้านบาท และ 55.74 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.83% 13.09% และ 9.57% ทั้งนี้บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท