"บิ๊กโจ๊ก"เรียกประชุมชุดทำคดี "แอม ไซนาไนด์" เผยหากพบจนท.บกพร่องทำไซยาไนด์หลุดออกนอกระบบเจอมาตรา 157 เตรียมออกหมายแอมเพิ่มคดีวางยา "ทราย" ส่วนการสอบปากคำรองออฟ อีดตสามีแอม ให้การเป็นประโยชน์ ด้านกรมโรงงานฯ จ่อแจ้งดำเนินคดี แอม-ดาราสาว ใช้ไซยาไนด์ ผิดวัตถุประสงค์
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป) เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เรียกประชุมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดี นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม ผู้ต้องหาคดีวางยาเหยื่อเสียชีวิตกว่าสิบรายเพื่อล้างหนี้สิน ซึ่งในวันนี้มีการเรียก นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานฯ มาให้ข้อมูลหลังจากช่วงสัปดาห์ก่อน ตำรวจร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม เข้าตรวจสอบโรงงานที่ผู้ต้องหาสั่งซื้อไซยาไนด์มาก่อเหตุ และตรวจพบว่ามีการจำหน่ายต่อไปให้กับผู้ซื้อกว่า 100 ราย โดยวันนี้ ทางกรมโรงงานฯ ระบุก่อนเข้าชี้แจงเพียงว่าทางตำรวจได้เรียกมาให้ข้อมูลแต่ไม่รู้ว่าจะมีการสอบถามประเด็นใดบ้าง
สำหรับประเด็นที่ชุดคลี่คลายคดีจะสอบถามกับกรมโรงงานฯ คือจะให้กรมโรงงานชี้แจงเอกสาร รายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าไซยาไนด์ ทั้งบริษัทผลิต โรงงานที่นำเข้าวัตถุประสงค์ของการนำเข้าและนำไปใช้ และการครอบครองไซยาไนด์ รวมถึงข้อกำหนดต่างๆ เพื่อตรวจสอบดูว่าเจ้าหน้าที่กรมโรงงานฯบกพร่องด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับใคร แต่ยอมรับว่าในช่วงสี่วันที่ผ่านมาคดีมีความคืบหน้าไปมาก ทั้งการขยายผลในทางคดี และคาดว่าภายใน1-2 วันนี้ จะมีความชัดเจนว่าจะมีใครเกี่ยวข้องกับการร่วมกันฆ่าหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนเรื่องไซยาไนด์ที่หลุดออกไปนอกระบบ ในวันนี้ได้เรียกกรมโรงงานอุตสาหกรรมมาชี้แจงรายละเอียดเพราะไซยาไนด์มีไว้สำหรับอุตสาหกรรมและศึกษาวิจัยเท่านั้น ซึ่งหากพบว่าการที่ไซยาไนด์หลุดลอดออกไปจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐก็จะมีความผิดด้วย เช่นเดียวกับเรื่องปืนหาย ที่ผู้กำกับการสถานีตำรวจนั้นๆจะต้องได้รับโทษ 157 ในฐานะผู้บังคับบัญชา สำหรับโรงงานที่นำเข้าไซยาไนด์เบื้องต้นยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใด ซึ่งจะมีการประชุมในวันนี้ก่อน
สำหรับความคืบหน้าคดีนางสาวมณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ หรือ ทราย ที่เสียชีวิตในพื้นที่ สน.ทองหล่อ โดยวันอังคาร 9 พ.ค.นี้ จะทำการสอบปากคำแพทย์นิติเวชเพื่อประกอบสำนวนคดี หลังจากนั้นคาดว่าจะสามารถออกหมายจับแอมเพิ่มในคดีนี้ ส่วนในวันพุธที่ 11 พ.ค.นี้ จะเรียกบุคลากรทางการแพทย์ มาสอบปากคำในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เพื่อขอความเห็นภาพรวมของคดีที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์และการใช้สารไซยาไนด์ทั้งหมด ที่สโมสรตำรวจ
ส่วนเรื่องการสอบปากคำพ่อแม่ของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตรองผู้กำกับการสอบสวน สภ.สวนผึ้ง หรือรองออฟ อดีตสามีของผู้ต้องหา พบว่าให้การเป็นประโยชน์ แต่ไม่สามารถเปิดเผยคำให้การได้ เพราะจะกระทบกับรูปคดี
ขณะที่ เรื่องนอมินีที่มีชื่อบนกล่องพัสดุว่าเป็นคนสั่งซื้อไซยาไนด์ ให้นางสรารัตน์ ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำไว้ทั้งหมดแล้ว แต่ขอยังไม่ให้ข้อมูลรายละเอียดในสำนวนเรื่องคำให้การ เพราะเป็นประเด็นสำคัญในสำนวน แต่เบื้องต้นยอมรับว่านางสรารัตน์เป็นคนสั่งให้นอมินีคนนี้ที่ปรากฏรายชื่อบนกล่องจริง และเบื้องต้นนอมินีคนนี้ยังไม่พบว่าเข้าข่ายความผิดเพราะทำไปโดยไม่รู้ว่านางสรารัตน์จะทำไปใช้ก่อเหตุ
ขณะที่ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เผยหลังจากเข้าให้ข้อมูลกับ พลต.อ.สุรเชษฐ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยืนยันว่า กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ควบคุมการนำเข้าสารไซยาไนด์จากต่างประเทศ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ตามพ.ร.บ.วัตถุอันตราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขอนำเข้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมและงานศึกษาวิจัย โดยยอมรับว่ามีผู้ใช้รายย่อย ประมาณ 2000 ราย เช่น การใช้ในร้านทองด้วย ซึ่งส่วนนี้ทางบริษัทนำเข้าที่ได้รับขออนุญาตจะเป็นผู้ควบคุมดูแลให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์เอง
กรณีคดีของนางสรารัตน์ผู้ต้องหาที่นำสารไซยาไนด์ไปใช้ฆ่าเหยื่อเพื่อปลดหนี้ และกรณีที่มีคนนำไปใช้วางยาฆ่าสัตว์เลื้อยคลาน ถือเป็นการใช้ไซยาไนด์ผิดวัตถุประสงค์ ทางกรมโรงงานฯในฐานะผู้เสียหาย จะต้องเดินทางไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ