ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เวลาประมาณ 18.30 น.วันที่ 8 พ.ค. 2566 ร.ต.อ.กาฬสิน ปากวิเศษ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุเผาฟางข้าว ทำให้มีรถชนกันที่ถนนสายป่าโมก - สุพรรณบุรี บริเวณหมู่ 1 ตำบลโคกโคเฒ่า  จึงประสานรถดับเพลิงจาก อบต.โคกโคเฒ่า อบต.ไผ่ขวาง และมูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี ไปตรวจสอบเพื่อดับไฟ 


ที่เกิดเหตุพบไฟกำลังโหมลุกไหม้หญ้าข้างทางยาวเกือบ 1 กิโลเมตรมีควานไฟลอยปกคลุมทั่วถนนและยังข้ามไปเข้าบ้านเรือนประชาชน ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียง  เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำดับไฟไม่ให้ลุกลาม ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงข้างทางไม่ให้ลุกลาม แต่ที่ทุ่งนาติดกันพบว่ามีไฟกำลังลุกไหม้ฟางข้าวในนาเป็นวงกว้างกว่า 20 ไร่ ที่เกิดเหตุพบรถยนต์อเนกประสงค์ยี่ห้ออีซูซุ สีดำทะเบียน 3 ขห 2649 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ข้างทางสภาพหน้ารถด้านซ้ายมีรอยชนแก้มซ้ายและซุ้มล้อฉีกขาด ห่างกันประมาณ 200 เมตร มีรถอเนกประสงค์ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน 7 กต 1588 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ไหล่ทาง ที่ซุ้มล้อด้านหลังแถบขวามีรอยถูกชน พังเสียหาย


จากการสอบถามนายนนทวิทย์  ตะพาบอรรถ อายุ 26 ปี คนขับรถอีซูซุ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนขับรถพาญาติมาจากอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช ในตัวเมืองสุพรรณบุรี โดยขับอยู่เลนขวาถึงที่เกิดเหตุมีควันไฟลอยมาจากทุ่งนาข้างทางจำนวนมากจนมองไม่เห็นถนน จึงรีบชลอรถเปิดสัญญาณไฟผ่าหมากขอทาง จังหวะนั้นมีรถคู่กรณีขับเบี่ยงออกจากเลนซ้ายขึ้นมาตนมองไม่เห็นจึงพุ่งชนท้ายทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ตนรู้สึกตกใจ โชคดีที่ตนขับมาไม่เร็วจึงไม่มีบาดเจ็บสาหัส มีแค่อาการแน่นหน้าอกจากการถูกกระแทกเล็กน้อย อยากฝากถึงคนที่ทำนาโดยเฉพาะที่นาใกล้ถนนไม่น่าเผาเพราะควันเยอะ ทำให้เกิดอันตราย 


ทางด้าน น.ส.สุพรรณี อริปริยกุล อายุ 44 ปี คนขับรถนิสสัน เล่าว่าก่อนเกิดเหตุตนขับรถพาแม่และหลาน มาจากจังหวัดกาฬสินธุ์ กำลังจะไปพักผ่อนที่จังหวัดกาญจนบุรี ถึงที่เกิดเหตุตนขับอยู่เลนซ้าย ช่วงนั้นควันไฟมีควันไฟลอยมาจากข้างทางยังไม่มากตนจึงบังคับรถเข้าเลนขวา จากนั้นไม่นานก็มีรถมาชนท้ายรถของตน เมื่อหันไปดูยังไม่เห็นรถคู่กรณีเพราะมีควันลอยอยู่เต็มถนนรอสักพักจึงเห็นรถคู่กรณีเป็นรถสีดำ ขับออกจากลุ่มควันมา จนพ้นรัศมีควัน จึงจอดดูก็พบว่ารถได้รับความเสียหาย ตนคิดว่าคนขับรถคู่กรณีคงมองไม่เห็นรถเรา เพราะควันเยอะมาก 


อยากฝากถึงคนที่ทำนาต้องดูว่าช่วงนี้อากาศเป็นอย่างไร ลมก็แรง แล้วก็เป็นหน้าแล้ง โดยเฉพาะนาที่อยู่ใกล้ถนนไม่ควรจะเผา เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุมีคนตายก็ไม่คุ้ม ถ้ารถที่ขับตามกันมาหลายคันแล้วเกิดอุบัติเหตุ คนในรถออกไม่ได้ถูกไฟคลอกเสียชีวิตมันไม่คุ้ม เพราะไฟที่เผาฟางข้าวในนามันลามขึ้นมาบนถนนน่ากลัวมาก ที่สำคัญเจ้าของนาที่เผาควรออกมาแสดงตัวรับผิดชอบด้วยเพราะประชาชนที่ใช้รถบนถนนรวมทั้งชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนกันจำนวนมากครั้งนี้นับว่าโชคดีที่รถเรารวมทั้งคนในรถทั้งเราและคู่กรณีไม่เป็นอะไรมากแต่ถ้ามีคนเสียชีวิตมันก็ไม่คุ้มกับที่เขาทำ 


ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังฉีดน้ำดับเพลิงอยู่นั้นได้มีสะเก็ดไฟปลิวข้ามถนนไปตกใส่หญ้างข้างทางกันประมาณ 200 เมตรทำให้เกิดไฟลุกไหม้ ซึ่งจุดเกิดเหตุ อยู่ใกล้กับร้านขายไม้เก่า คนงานเห็นเข้ารีบช่วยกันใช้ถังน้ำใส่น้ำมาช่วยดับไฟ ก่อนที่รถดับเพลิงมาถึง พร้อมกับฝากถึงคนที่เผาว่าไม่ควรเผาเพราะอันตรายทั้งคนที่ใช้รถและบ้านที่อยู่ใกล้กันซึ่งมีทั้งคนแก่คนป่วยและเด็กเล็ก 


ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าเหตุการณ์ครั้งนี้สาเหตุเกิดจากการเผาฟางในนาข้าวทำให้มีควันไฟจำนวนมากปกคลุมถนนทำให้คนขับรถมองไม่เห็นทางจนเกิดอุบัติเหตุขึ้น อย่างไรก็ตามจะได้สอบสวนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงเพื่อดำเนินการตามก็หมายต่อไปส่วนคนเผาได้ให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์เพื่อจะดำเนินการตาม พรบ.ท้องถิ่นและคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด ต่อไป