PROS พร้อมเดินหน้าธุรกิจเต็มสูบ รุกประมูลงานใหม่ 1,500 ล้านบาท เน้นรักษาฐานลูกค้าเดิมที่ยังคงมีธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เสริมทัพด้วย 4 ธุรกิจดาวรุ่ง เสริมพอร์ตรายได้ก้าวกระโดด พร้อมตั้งธงเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 66     

นายพงศ์เทพ รัตนแสงสรวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PROS ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคาร เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2566 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน โดยมองว่าหลังเปิดประเทศตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เป็นสัญญาณเชิงบวกที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ ซึ่งภาคเอกชนเริ่มทยอยเปิดตัวงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มห้างสรรพสินค้าและค้าปลีก กลุ่มคอนโดมิเนียม ตลอดจนโรงงานและอาคารคลังสินค้า ที่เลื่อนแผนมาจากปี 2565 เชื่อว่าหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย จะเป็นปัจจัยบวกต่อการดำเนินกิจการของบริษัท

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ PROS ในปี 2566 บริษัทจะเดินหน้าธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เตรียมความพร้อมประมูลงานใหม่ๆ กว่า 1,500 ล้านบาท ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรและขยายโอกาสใหม่ๆเสริมทัพธุรกิจในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทพร้อมรุกธุรกิจปั๊มรายได้แบบ 360 องศา ด้วยกลยุทธ์ BIG 4 GROWTH STRATEGY ได้แก่  1) ธุรกิจก่อสร้าง (Construction Business) ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ได้แก่งานจัดหาติดตั้ง รวมทั้งงานออกแบบงานระบบวิศวกรรม งานโครงสร้างและสถาปัตยกรรม ที่ดำเนินการโดย PROS และ บริษัทย่อย พรอสเพอร์ไทธรรม์ Prosper Titan เป็นหลัก

2) ธุรกิจก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย ระบบจำหน่ายไฟฟ้า และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (High Voltage Substation & Renewable Energy Business) อาทิ การก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยและระบบพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (Solar roof) โดยดำเนินการผ่านบริษัท พรอสเน็กซ์ จำกัด Prosnex ซึ่งเป็นบริษัทย่อย

3) ธุรกิจด้านเทคโนโลยี และธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบวิศวกรรม (New Technology & Trading Business) อาทิ การจับมือพันธมิตร กิจมีชัยอิเล็คทริค (KMCE) รุกงานติดตั้งระบบ EV Charger รวมถึงลงทุนใน บริษัท พาวเวอร์วิชเซ่น จำกัด Power Wissen เพื่อจัดจำหน่ายอุปกรณ์ระบบวิศวกรรม

4) ธุรกิจด้านสุขภาพ (Healthcare Business) อาทิ ธุรกิจโรงพยาบาลเฉพาะทาง ที่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูง ขณะนี้งานก่อสร้างเดินหน้าไปแล้วกว่า 80% ซึ่งคาดว่าแผนงานจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2566

นอกจากนี้ยังรับงานในกลุ่มลูกค้าเดิมที่เป็นงานระยะสั้น เนื่องจากสามารถควบคุมต้นทุนจากความผันผวนของราคาสินค้า อีกทั้งยังทำให้บริษัทมีความสามารถรับงานได้มากขึ้น และรับรู้รายได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย ประกอบกับแนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจวัสดุก่อสร้างและการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของภาคเอกชน รวมถึงการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ เช่นโครงการที่เกี่ยวกับ Eastern Economic Corridors (EEC) โครงการขยายเส้นทางคมนาคมขนส่งทางถนนและระบบรางทั่วประเทศ เป็นต้น ตลอดจนรักษาฐานลูกค้าเดิมที่ยังคงมีธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งให้บริษัทเดินหน้าแผนงานได้อย่างราบรื่น พร้อมกับปักธงรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ในปี 2566