เมื่อวันที่ 5 พ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 'ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร' พร้อมกับคุณแม่ ได้เปิดใจผ่านรายการโหนกระแสทางช่อง 3 HD ภายหลังจากปรากฏชื่อสั่งซื้อยา 'ไซยาไนด์'
โดย ไอซ์ ปรีชญา เล่าว่า ตนดูข่าวเรื่อง แอม ไซยาไนด์ ดูข่าวกับแฟนที่เป็นชาวต่างชาติ แฟนของไอซ์บอกว่า สารอันตรายอันนี้สั่งไม่ได้นะ ที่สวิสเซอร์แลนด์สั่งไม่ได้ แต่ไอซ์บอกว่า ที่นี่ไทยแลนด์ สั่งได้แน่นอน แต่แฟนเราไม่เชื่อ ไอซ์ก็เลยลองเซิร์ชใน Google แล้วเจอว่ามันมีขายหมดเลย ก็เลยลองสั่งมา คิดว่าถ้าได้มาจะเอาไปไล่สัตว์เลื้อยคลาน ไม่ได้คิดว่าจะได้ของจริงๆ หรอก ยิ่งมีข่าวแบบนี้ ก็ยิ่งคิดว่าไม่น่าได้ของ
แต่สุดท้ายก็มีส่งมาจริงๆ ส่งมาแบบพัสดุปกติ เหมือนเราสั่งของออนไลน์เลย แม่บ้านเป็นคนแกะพัสดุแล้ววางไว้บนโต๊ะกินข้าว ตนมาเห็นแล้วตกใจมาก เพราะขวดมันเหมือนในข่าวเลย ตอนนั้นตนไม่กล้าจะทำอะไรเลย เพราะกลัวมันเป็นอันตราย จนถึงตอนที่มีข่าว มีเรื่องมีราวขึ้นมา ขวดยาตั้งอยู่อย่างนั้น ไม่ได้แกะ ไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย
ขณะที่คุณแม่ของไอซ์ เผยว่า บ้านที่อยู่อาศัยกัน เกิดทรุดเป็นโพรงเพราะมีโครงการมาขึ้นข้างๆ จนมีสัตว์มีพิษทั้งงูเห่า งูเหลือม ตัวเงินตัวทอง มาอยู่ในอาศัยตามโพรง ทั้งบนฝ้าเพดาน แมว และสุนัขที่เลี้ยงไว้ ถูกตัวเงินตัวทองมากินไปแล้วด้วย โดยไซยาไนด์ที่สั่งมา ตั้งใจจะเอามาไล่งู ไล่สัตว์เลื้อยคลานต่างๆ
แต่พอรู้ว่าการสั่งสารมีพิษมามันทำไม่ได้ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าตัวเงินตัวทองเป็นสัตว์สงวน มันไปฆ่าเขาไม่ได้ แม่ก็รู้ว่าจะทำยังไง แก้ปัญหาไม่ตก ทุกวันนี้กลัวมากที่ต้องอยู่ในบ้านที่ไม่รู้ว่างูหรือตัวเงินตัวทองจะโผล่ออกมาตอนไหน แม่ลองมาหลายวิธี ทั้งชอล์ก ทั้งยาเบื่อ แต่ก็ไล่ไม่สำเร็จ รอบนี้ก็เลยลองสั่งไซยาไนด์ พอรู้ว่ามีข่าวนางเอก 100 ล้านออกมา เราเลยไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ เอาไซยาไนด์ไปมอบให้ตำรวจ และฝากไว้ ตำรวจยังบอกว่า ไปรับคืนเมื่อไหร่ก็ได้
หลังจากที่มีข่าวออกมา ไอซ์ได้รับผลกระทบหนักมาก งานถูกยกเลิกไป แล้วมีเพจหนึ่งเอารูปไอซ์ที่ถ่ายคู่กับผู้จัดการส่วนตัวที่เสียชีวิตไปนานแล้ว แล้วเขียนข้อความว่า เสียชีวิตด้วยเหตุนี้หรือไม่ ยิ่งทำให้ได้รับผลกระทบทั้งเรื่องงาน และเรื่องจิตใจ
ไอซ์บอกว่า เพจดังกล่าวเขียนข้อความเชื่อมโยง สื่อไปในทางว่าเราเป็นคนวางยาผู้จัดการตัวเอง เรื่องนี้เราเสียใจมาก คุณแม่ของไอซ์ก็บอกว่า พี่โก้ ผู้จัดการคนนี้ ไอซ์รักมาก เขาก็รักน้องมากเหมือนกัน เขาป่วยด้วยอาการหัวใจวาย คุณแม่เองที่เข้าไปจัดการเรื่องงานศพให้เขา เพราะเขาเสียชีวิตอยู่คนเดียว
ไอซ์ยังบอกว่า ไอซ์ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้ความผิดพลาดครั้งนี้ของไอซ์ เป็นบทเรียน เป็นกรณีศึกษา ทำให้ทุกคนเห็นว่าสารอันตรายอันนี้มันซื้อ หรือมีไว้ในครอบครองก็ได้ ทุกความผิดพลาดของเรา เรายอมรับโดยดี ไอซ์จะต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอน
ขณะที่ ทนายแก้วชี้ว่า ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย เขียนไว้ชัดเจนว่า การครอบครองไซยาไนด์นั้นทำไม่ได้ มีความผิด จะใช้หรือไม่ใช้ก็ผิด หากครอบครองจะมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากนำไปผสมในอาหาร ยา หรือเครื่องสำอาง ก็จะมีโทษจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เรื่องนี้แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจบางท่าน ก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าครอบครองไม่ได้ จึงได้ระบุไว้ใต้บันทึกประจำวันว่าให้กลับไปเอาคืนได้ ซึ่งกรณีนี้ ตนมองว่าการที่คุณแม่และไอซ์ เอาไซยาไนด์ไปมอบให้ตำรวจ ถือว่าทำถูกแล้ว ส่วนเรื่องความผิดต่างๆ ก็ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหา แล้วชี้แจงเหตุผลตามจริงไป
ส่วนเรื่องที่ถามว่า ในเมื่อมันเป็นสารอันตราย ห้ามครอบครอง มีโทษแรงขนาดนี้ ทำไมมันถึงสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ง่ายดายขนาดนี้ ก็ต้องถามไปทางกรมโรงงานว่า มีความหย่อนยานอย่างไร ถึงปล่อยสารอันตรายที่ใช้ในอุตสาหกรรม ออกมามีขายง่ายดายแบบนี้
อีกหนึ่งเรื่องราวคือ คุณ ก. เป็นหนึ่งในคนที่คุณแอม แจ้งกับทางพนักงานสอบสวนว่า อยากจะให้คุณ ก. ไปพบในทัณฑสถานหญิง คุณ ก. เล่าว่ารู้จักกับแอมมาได้ประมาณ 3 ปี เป็นเพื่อน เป็นคนรู้จักที่คุยกันถูกคอ ตนเองก็อยู่ในกลุ่มแชร์อีกหนึ่งกลุ่ม ที่มีครูอ๊อดในนั้นด้วย และครูอ๊อดเสียชีวิต โดยในวงแชร์ที่ตนเล่น แอมไม่ได้เป็นเท้าแชร์
บางครั้งแอมก็มาหาที่บ้าน พาไปเที่ยวที่นู่นที่นี่ แอมได้ชวนลงทุน ขอเงินของตนไปปล่อยเงินกู้ ประมาณ 2 แสนบาท เคยมีครั้งหนึ่งที่แอมบอกว่า สนใจจะทำน้ำสมุนไพรอยู่ตัวหนึ่ง ที่เขาอยากจะทำขายใน TikTok ให้ตนช่วยชิม เป็นน้ำสีดำ ตนชิมเข้าไปประมาณ 1 ใน 4 ส่วน มันขมอย่างเดียวไม่มีรสชาติอื่นเลย จึงส่งคืนให้เขา
พอกลับมาขึ้นรถ ตนหน้ามืด หายใจไม่ออก เหมือนกำลังจะวูบ ตนจึงโทรตามเขาให้กลับมา ถามเขาว่าเอาอะไรให้พี่กิน เขาก็กลับมา มาถามว่าเป็นอะไร อยากไปโรงพยาบาลไหม ตนเห็นว่าไม่ทันแน่ ตนก็เลยกินน้ำในรถ 1.5 ลิตร อัดเข้าไปเต็มๆ แล้วอาเจียนออกมา แล้วอาการดีขึ้นอีก จากนั้นก็อัดน้ำข้าไปอีกขวด เพื่อให้อาการค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนแอม ท่าทางเหมือนตกใจมาก เขาถามว่า “เอาน้ำของหนูไหม” แต่ตนเห็นว่าน้ำเขาเปิดฝาไว้แล้ว จึงไม่ได้ดื่ม เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 25 พ.ย. 63 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่คุณหนิม ภรรยานายตำรวจ เสียชีวิตที่มุกดาหาร
หลังเกิดเหตุ เขาก็ยังดูห่วงใย ถามไถ่ตลอด เขาไม่หนีไปไหน แล้วก็แสดงความจริงใจตลอด ตนเลยให้แอมไปถามว่าน้ำสมุนไพรที่เอามาให้ชิม คนที่ผลิตเขาใส่อะไรลงไปไหม เขาบอกว่าเป็นน้ำบีทรูท วันต่อมาตนก็ไปลองซื้อบีทรูทที่ตลาดให้แม่ค้าคั้นให้กิน ก็ไม่เป็นอะไร
ตนไปปรึกษาเพื่อนที่เป็นหมอ ถามว่าเป็นไปได้ไหมว่า บีทรูท เป็นพืชที่ลักษณะเป็นหัวเป็นราก มันดูดซึมสารพิษเข้าไป ล้างไม่ออก เพื่อนที่เป็นหมอบอกว่า ถ้ามันเป็นไปแบบนั้นคนก็น่าจะตายทั้งประเทศแล้วนะ เขาจงใจใส่อะไรลงไปให้เรากินหรือไม่ แต่ตนก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อ ยังติดต่อกับแอมเรื่อยมา
ส่วนเรื่องที่แอมระบุชื่อให้ตนไปเป็นพยานให้ ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นพยานในมุมไหน แต่ว่าตนมีชื่อในรายชื่อคนที่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมและฝากของ แม่ของแอมก็ฝากเงินเอาไปให้เขา เจ้าหน้าที่ทัณฑสถานตรวจสอบแล้ว ชื่อเราตรงกับในรายชื่อที่แอมระบุเอาไว้ว่าใครเข้าเยี่ยมได้บ้าง
จากลักษณะนิสัยของแอมที่ตนสัมผัสมา เขาเป็นคนขี้สงสาร เป็นคนใจบุญสุนทาน ชอบทำบุญ ชอบซื้อของมาฝากกัน ปูเป็น ปลาเป็น เขาจะไม่ฆ่าไม่กินเลย เห็นหมาบาดเจ็บเล็กน้อย เขายังพยายามจะใส่ยาให้ ดูเป็นคนจิตใจดี ส่วนที่ตนเคยเจอเหตุการณ์เดียวกันมา ตนก็ยังฟันธงไม่ได้ว่าถูกวางยาจริงไหม หรือเป็นการแพ้สารเคมีเอง
คุณ ก. บอกอีกว่า แอมเขาติดต่อมาก่อนที่จะถูกจับ แต่เกิดกระแสข่าวขึ้นมาแล้ว เขาติดต่อมายืนยันว่าเขาไม่ได้ทำ ไม่ได้ฆ่าใคร และยังบอกให้ตนไปขึ้นศาลเป็นพยานให้เขาด้วย ถ้าการไปเป็นพยานแล้วทำให้ความจริงปรากฎตนก็ยินดี แต่ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นพยานเรื่องอะไร แต่ถ้าให้ตนไปช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ไปว่าเขาไม่ได้ทำ ตนก็คงไม่ไป เพราะตนไม่รู้จริงๆ ว่าเขาฆ่าหรือไม่ฆ่า ทำหรือไม่ทำ
ขณะที่คุณอ้อ มูลนิธิวินวิน ได้สืบหาจนพบคุณ ก. จากกรณีหวยทิพย์ของป้าเต่า จนทราบว่า เจ้ามือหวยรายใหม่ที่แอมบอกว่าจะพาป้าเต่าไปพบ หลงเกิดเรื่องนายเค ก็คือคุณ ก.นี่เอง เมื่อไปเจอตัวจึงได้รู้ว่าคุณ ก. เองก็เคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆเหยื่อรายอื่นเหมือนกัน
ขอบคุณข้อมูล/ภาพ : เฟซบุ๊ก โหนกระแส