ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต
“ในบริบทแห่งการทำงาน บนพื้นที่ชีวิตแห่งการทำงาน หากเราถือเอาสัจจะว่า.. “คนคือผู้สร้างสถานที่” ประสบการณ์แห่งการพบเจอของเราก็ย่อม สัมผัสกับชีวิตของคนพวกหนึ่ง ที่ขวางจรรยาบรรณของโลก และ กระชากชีวิตของผู้อยู่ใกล้ให้ตกลงไปสู่หลุมลึกของอคติแห่งความเลวร้ายและปลิ้นปล้อนนานา...นั่นเปรียบดั่งสังเวียนชีวิตที่ยึดมั่นและปฏิบัติตามกฎกติกาใดๆ นอกจากปัจเจกแห่งอคติที่เปลือยร่างออกมาอย่างสยดสยองล้วนๆ..นี่เป็นภาพฉายอันเป็นเงาทมิฬ ที่ส่องสะท้อน และ พวยพุ่งออกมาจากกลิ่นอายของชีวิตที่ไร้ชีวิต..ที่ปลอดพ้นและไม่ใส่ใจต่อความผิดบาป...เหนือบทจรแห่งยางอายใดๆ ในฐานะแห่งการเกิดมาเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง..!”
ภาวะรู้สึกอันแน่นหนักและแข็งกร้าวเบื้องต้น...คือรสชาติแห่งเจตจำนงของหนังสือเล่มหนึ่งที่ส่งผลต่อการสั่นสะท้านของชีวิตอย่างล้ำลึกและเดือดพล่าน.. “ที่นี่ไม่ต้อนรับคนเฮงซวย” (THE NO ASSHOLE RULE)
...งานเขียนอันทรงคุณค่า ท้าทาย และ เหยียดเย้ย ถึงมายาจริตของความผิดชอบชั่วดีในตัวตนแห่งตัวตนของบุคคล.../โดย“โรเบิร์ต ไอ. ซัตตัน” (Robert I. Sutton) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด..นักเขียน “International Best Seller”...ที่ได้ช่วยวางกฎอันทรงคุณภาพ ให้ผู้อ่าน และผู้สัมผัสทุกๆคนสามารถปลอดพ้น และ สามาถเลี่ยงหลีกจากพื้นที่ชีวิตของกลุ่มคนเฮงซวย..ไปสู่พื้นที่ชีวิต ของคนที่ให้เกียรติแก่กัน กล้าหาญในการสร้างสรรค์ และ ใช้พลังงานดีๆ...ผลักดันประสิทธิภาพของกันและกัน..
นิยามความหมายของ “คนเฮงซวย” ณ ที่นี้ถูกระบุเอาไว้ว่า... “คือคนประเภทที่..เข้ามาดึงหรือทำลายองค์กรที่ดีงามต่างๆให้เสื่อมทรุดลง...เป็นการสร้างความเสียหายมหาศาล ที่เกิดขึ้น หรือ กำลังจะเกิดขึ้น..
มันคือหนังสือที่ช่วยให้ผู้อ่านและคนทั่วๆไป.. เอาตัวรอดจากการถูกบูลลี่...เอาตัวรอดจากพวกกวนโอ๊ย..พวกคอยซ้ำเติมคนอื่น พวกแทงข้างหลัง พวกเผด็จการ และ..คนอีโก้สูง...
“คนเฮงซวย” ในทุกประเภทเเหล่านี้ทั้งหมด จะหาโอกาส ที่จะจ้องเล่นงานคุณหรือคู่ขัดแย้งที่ไม่ต้องอัธยาศัยอยู่ตลอดเวลา...
หนังสือนี้ จะมีวิธีชี้แนะให้ทุกคนได้เข้มแข็ง สามารถต่อกรกับความเฮงซวยหรือคนเฮงซวยได้ทุกเมื่อ..ขอเพียงแต่เราต้องกล้าเผชิญหน้า..และไม่สยบยอมต่อมัน..เท่านั้น...
“คนเฮงซวย คือ คนที่ชอบทำเหมือนคนอื่นไร้ค่าและน่ารังเกียจอยู่ตลอดเวลา../บางคนเป็นคนเฮงซวยชั่วคราว...คนพวกนี้อาจจะเกิดจากระบบ หรือ โดนใครสักคน บังคับ เป่าหู หรือ ชักใยให้เป็น..แต่สำหรับบางคน มันเกิดจากความเป็นกมลสันดานโดยแท้...คนจำพวกนี้จึงคือ..คนเฮงซวยถาวร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน...หรือตกอยู่ในสภาวะใดก็ตาม..
“ขอให้ชะลอจังหวะ ตามงานวิจัยได้ชี้ว่า ถ้าเราด่วนไปโกรธ ไปโมโหคนเฮงซวย...คนประเภทนี้จะยิ่งได้ใจ วิธีแก้ปัญหาก็คือปล่อยให้เขาบ้าคลั่งจนสงบไปเอง ที่สุดแล้วพวกเขาก็จะลดลีลาและจังหวะ..ความงี่เง่าที่น่าละอายแห่งชีวิตลง..”
“ที่นี่ไม่ต้อนรับคนเฮงซวย” ...ถือเป็นหนังสือที่สื่ออิทธิพลถึงการระงับยับยั้งความชั่วร้ายจากคนที่ไร้ค่าไร้สำนึก เป็นหนังสือที่ถูกกล่าวถึงไปทั่วโลก อันเป็นต้นรากทางความคิดของหนังสือที่มีคุณประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอีกเล่มหนึ่ง คือ “ศิลปะการอยู่ร่วมกับคนเฮงซวย” ..ที่กลายเป็นหนังสือขายดีและทรงอิทธิพลไม่ผิดกัน..
“การศึกษาระยะยาวในทวีปยุโรป แสดงให้เห็นว่าการทำงานร่วมกับคนเฮงซวยนั้น เรามีโอกาสและมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคหัวใจขึ้นมาได้”
นั่นคือการเน้นย้ำให้เห็นว่า..สำหรับเหล่าคนเฮงซวย ถึงอย่างไรเขาก็จะมองไม่เห็นนิสัยแห่งความแย่ๆของตนเอง และไม่เคยมองเห็นภาวะความรู้สึกที่ถูกกระทำจนย่ำแย่ของคนอื่นได้เลย..
หนังสือเล่มนี้ เป็นยิ่งกว่ากระจกเงาส่องสะท้อน รูปเงาของชีวิต ซึ่งมองเห็นได้แค่ภายนอก แต่ความคิดและขอเสนอแนะที่เป็นดั่งหัวใจของหนังสือเล่มนี้ ทั้งได้ขุดลึกและเจาะผ่านจิตวิญญาณด้านในของตัวตนจนเปิดเปลือยนัยรับรู้ในรู้สึกจนหมดสิ้น..
มันสามารถกันคนเฮงซวยออกไปจากเขตคามของชีวิตคนดีทุกคน...ให้สามารถทำงานสร้างสรรค์ได้อย่างมีความสุขและสบายใจ..หรือไม่ก็เอาตัวรอดได้จากการรบกวนหรือคุกคามจากคนพวกนี้..นี่เป็นกฎปฏิบัติแห่งชีวิต...ที่สะท้อนนัยให้เราได้ตระหนักรู้อยู่เสมอว่า...ต้นตอของปัญหาอันวิกฤตนี้ ย่อมสร้างผลเสียต่อชีวิตและที่ทำงานอย่างยิ่ง ดังนั้น เหตุแห่งการรู้เท่าทัน และขจัดรากเหง้าของปัญหาอันเนื่องมาจากจิตใจที่ผุพังและเสื่อมสลายของมนุษย์พวกนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าศึกษา ขจัด และ ขุดหลุมฝังเสียให้สิ้นซาก..อย่างแท้จริง..
“วิกันดา จันทร์ทองสุข” แปลหนังสือเล่มนี้ออกมาได้อย่างถึงแก่นในทุกๆบทตอนที่มีมิติคิดที่น่าใส่ใจยิ่ง เป็นโยงใยจากผู้ประพันธ์ ถึง การพิเคราะห์ที่ถอดความออกมาอย่างหมดเปลือก....
...ความเสียหายเกิดขึ้นจริงในที่ทำงานแล้ว ทำไม เราถึงต้องพบคนพวกนี้มากมายนัก?...!
“จงระวังไว้ว่า...ชีวิตของเราอาจกลายเป็นคนเฮงซวยได้เอง...หากไม่ระวังตัว หรือ รู้สึกต่อการกระทำอันไร้ค่าไร้สำนึก...แห่งตน..”