ฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดี นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 8.5 ล้านคนในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 สร้างรายได้กว่า 3.5 แสนล้านบาท สะท้อนไทยคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้รับทราบแนวโน้มภาคการท่องเที่ยวไทยที่สามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 นี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจำนวนสะสม 8,596,452 คน สร้างรายได้แล้วกว่า 353,331 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว พร้อมกำชับทุกหน่วยงานอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุถึงสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2566 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 30 เมษายน 2566) มีจำนวนสะสมทั้งสิ้น 8,596,452 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า 353,331 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนเมษายน 2566 พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนสะสมกว่า 2,130,715 คน โดย 10 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยสูงสุดในเดือนเมษายนนี้ ประกอบด้วย 1) มาเลเซีย จำนวน 367,530 คน 2) จีน จำนวน 328,375 คน 3) อินเดีย จำนวน 131,230 คน 4) รัสเซีย จำนวน 115,743 คน 5) เกาหลีใต้ จำนวน 95,229 คน 6) เวียดนาม จำนวน 84,221 คน 7) สหรัฐฯ จำนวน 70,977 คน 8) สหราชอาณาจักร จำนวน 70,089 คน 9) ลาว จำนวน 68,204 คน และ 10) ฮ่องกง จำนวน 67,771 คน นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวอีกกว่า 520,000 คน ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ (ระหว่างวันที่ 1 - 7 พฤษภาคม 2566) โดยมีนักท่องเที่ยวอาเซียนและเอเชียตะวันออกเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากช่วงวันหยุดยาวของวันแรงงานในจีน มาเลเซีย และเวียดนาม ประกอบกับการประกาศลดราคาน้ำมันดิบในตลาดเอเชียของซาอุดีอาระเบียที่อาจส่งผลให้ต้นทุนการเดินทางลดลง
โดยในปีนี้ ไทยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติภายใต้แนวคิด “Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters” ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้กระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีความหมาย (Meaningful Travel) ผ่าน Soft Power 5F ของไทย ประกอบด้วย Food อาหาร, Film ภาพยนตร์, Fashion แฟชั่น, Fighting ศิลปะการต่อสู้ และ Festival งานเทศกาล ควบคู่กับการยกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
“นายกรัฐมนตรีชื่นชมการทำงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่องเป็นผลสำเร็จจากความทุ่มเทของทุกภาคส่วนในการร่วมมือกันฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวของไทย รวมทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวยังคงเชื่อมั่นและเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในหลายด้าน ทั้งด้านธรรมชาติ ด้านการท่องเที่ยว ด้านกีฬา ตลอดจนด้านสุขภาพ ซึ่งทุกหน่วยงานจะต้องเตรียมความพร้อม อำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย น่าประทับใจและมีคุณภาพ เชื่อมั่นสามารถยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยให้เติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ” นายอนุชากล่าว