"บิ๊กป้อม" ดีใจเรตติ้ง "พปชร." ขยับ ตอกย้ำพร้อมนั่งนายกฯ ถ้า "ปชช." เลือก เมินบางพรรคไม่จับมือ บอกอยู่คนเดียวได้ "อนุทิน" ลั่นถ้า "ภท." ได้เสียงมากพอ ไม่แบ่งตำแหน่งนายกฯ ให้ใครแน่นอน ขออย่าผูกมัด หลัง "อุ๊งอิ๊ง" พูดเรื่องจับขั้วรัฐบาล ด้าน "รทสช." มั่นใจกระแส "ลุงตู่" นำลิ่วในภาคใต้ สวนผลโพล ปูดมีซื้อเสียงกันหนัก ฝาก "กกต." ตรวจสอบ
ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เมื่อวันที่ 4 พ.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์หลังแถลงสรุปภาพรวมนโยบายของพรรคพลังประชารัฐถึงเรตติ้งความนิยมของพรรคที่เพิ่มขึ้น หลังนั่งรถไฟลงพื้นที่จ.นครราชสีมา ว่า ดีใจ ถ้าผู้สื่อข่าวสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐก็ดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า อีก 9 วัน จะถึงวันลงคะแนนเลือกตั้ง มีความพร้อมที่จะเป็นนายกฯ คนต่อไปมากน้อยแค่ไหน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะว่าพร้อมก็พร้อม แล้วแต่ประชาชนจะเลือก ถ้าเลือกตนก็พร้อม เมื่อถามว่า ได้ดูกระแสตอบรับของพรรคในโซเชียลมีเดีย บ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ไม่ได้ดูเลย เมื่อถามว่า มองนโยบายภาพรวมแล้วมีความมั่นใจอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าไม่มั่นใจก็คงไม่ประกาศออกไป มั่นใจว่าเราทำได้ ถ้าเราได้เป็นรัฐบาลก็ทำได้ทันที
ผู้สื่อข่าวถามว่า โค้งสุดท้ายจะมีอะไรมาตีตื้นคะแนนเป็นหมัดเด็ด หมัดน็อก หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อนั่นแหละ สื่อจะเลือกหรือเปล่าถ้าคุณเลือกก็ได้ เมื่อถามว่า หลายพรรคเริ่มมีการตีกันจะไม่จับขั้วรัฐบาล โดยระบุว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นหนึ่งพรรคที่จะไม่จับมือด้วย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ก็ไม่เป็นไร ใครไม่จับผมก็อยู่คนเดียว ถ้าได้ 300 กว่าเสียงแล้วจะไปจับกับใครล่ะ ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน ปล่อยให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจ ถ้าเขาอยากพูดก็พูดกันไป อยู่ที่การตัดสินใจของประชาชนเป็นหลัก ก็ต้องเชื่อมั่นในประชาชน ต้องไว้ใจประชาชนว่าเขาจะเลือกใคร"
เมื่อถามว่า ผลโพลที่ออกมาขณะนี้แสดงว่าเชื่อไม่ได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า โพลใครก็ทำได้ ก็เป็นความคิดของคน ได้ไปถามทุกบ้านหรือเปล่า ถามทุกคนหรือเปล่า แล้วทุกคนตอบหรือเปล่า มันก็อย่างนี้แหละโพลก็คือโพล เมื่อถามว่า จากการลงพื้นที่และได้สัมผัสประชาชนโดยตรง รวมถึงกระแสพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ จะทำให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่รู้ ก็แล้วแต่ประชาชน จะไปคิดข้างหน้าได้อย่างไร สื่อคิดก็ตอบเอาเองก็แล้วกัน เมื่อถามว่า จากการลงพื้นที่เชื่อมั่นในประชาชนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็เชื่อมั่น ตนลงพื้นที่มาตลอดทั้งปี พื้นที่เขาก็ต้อนรับตน ไม่เห็นมีใครมาด่าเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) จะจับมือไปไหนไปกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องดูตัวเลขหลังจากวันที่ 14 พ.ค.ก่อน เมื่อถามย้ำว่า พร้อมจับใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พร้อมจับกับทุกพรรค ตนทำงานได้กับทุกพรรค ถ้าตัวเลขน้อยตนก็อยู่คนเดียว ถ้าตัวเลขมากก็อยู่คนเดียว เดี๋ยวก็ไปดูว่าจะจับมือกับใคร ก็ต้องดูแต่ละพรรค
เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกลยังเป็นหนึ่งในตัวเลือกใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกพรรคอยู่ในตัวเลือกทั้งนั้น แต่ต้องดูนโยบายด้วย ไม่ใช่นโยบายไม่ถูกกัน แล้วไปอยู่ด้วยกันก็ขัดกันเปล่าๆ เมื่อถามว่า โค้งสุดท้ายแล้วจะมีโอกาสลงพื้นที่หาเสียงตลาดในกทม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า สื่ออยากให้ลงไหมล่ะ ถ้าอยากให้ลงก็จะลง เมื่อถามว่า วันนี้อารมณ์ดี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็อารมณ์ดีทุกวัน แล้วดีไหม เมื่อถามว่า ช่วงลงพื้นที่หาเสียงดูแลสุขภาพ หรือออกกำลังกายหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า มี ตนก็ว่ายน้ำ
ที่หอประชุมโรงเรียนเทศบาล 4 (รัตนโกสินทร์ 200 ปี) ต.ในเมือง อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ปราศรัย ช่วยนายศุภชัยโพธิ์สุ ผู้สมัคร เขต 2 ซึ่งมีประชาชนรับฟังการปราศรัยกว่า 3,000 คน
โดย นายอนุทิน ได้กล่าวแนะนำผลงานที่ผ่านมาของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยที่กำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงคมนาคม และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ประกอบด้วยความสำเร็จในนโยบายฟอกไตฟรี การขยายการให้บริการเครื่องฉายรังสีมะเร็ง การผลักดันเพิ่มค่าตอบแทน อสม. เป็น 2,000 บาท การขยายถนน 4 เลน จากจ.นครพนมไปจ.บึงกาฬ เป็นเส้นทางเชื่อมโยง จ.บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และสิ้นสุดที่จ.อุบลราชธานี เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังแนะนำนโยบายของพรรคภูมิใจไทย อาทิ การพักหนี้ 3 ปี, ทุกอำเภอมีศูนย์ฟอกไต, ทุกจังหวัดมีเครื่องฉายรังสี, การให้นครพนมมีโรงพยาบาลศูนย์, กองทุนผู้สูงอายุ, นโยบายเงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท เป็นต้น โดยในบางช่วงของการปราศรัย นายอนุทิน ได้กล่าวถึงประเด็นที่ถูกพาดพิงทางการเมืองซึ่งมีบางพรรคมาสร้างความเข้าใจผิดกับพี่น้องว่าเลือกภูมิใจไทยจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ซึ่งไม่จริง เขากำลังโกหก ตนประกาศแล้วว่าพร้อมเป็นนายกฯ เข้ามาดูแลพี่น้อง ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้เสียงมากพอ ดูแลเหมาะสม คนชื่ออนุทินนี่เอง จะเป็นนายกฯ ไม่แบ่งให้ใคร เราสู้กันมาขนาดนี้ เพื่อขอโอกาสเข้าไปทำงาน ถ้าประชาชนไว้ใจ จนเราได้เสียงมามากแล้ว มีความเหมาะสมในการเป็นนายกฯ แล้ว เราไม่ให้ใคร มันไม่มีคนโง่ขนาดนั้น "นี่คน กินข้าว ไม่ใช่ควาย ส่วนคนที่มาใส่ร้ายเรา เขาพูดไม่จริง โกหก วันนี้ หาเสียงเขาให้พูดความจริง"
นายอนุทิน กล่าวว่า ยังมีผู้ใหญ่ในทางการเมืองบางคน มาบอกว่าวันเลือกตั้งปี 62 พอภูมิใจไทยรู้คะแนนเสียง ตนรีบโทรหาทหาร ไปจัดตั้งรัฐบาลกัน นั่นก็โกหก ตอนนั้น มีสายเข้ามาจำนวนมาก ตนไม่ต้องโทรหาใครเลย มีแต่คนที่โทรเข้ามา จนต้องปิดเครื่อง เปลี่ยนเบอร์ เพราะสายเข้ามากมายมหาศาล ไม่ต้องโทรหาใครก่อนเลย "พวกรู้ไม่จริง อย่าพูดพล่อยๆ"
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ อีกคนของพรรคเพื่อไทย ที่ออกมาโจมตีนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย ว่า ได้ติดตามดูแล้ว เขาไม่ได้เห็นด้วยกับทุกเรื่อง ซึ่งเป็นการพูดถึงการจับขั้วรัฐบาล 2 พรรค เรื่องนี้เราอย่าเพิ่งไปผูกมัด ตนไม่ได้มีปัญหากับน.ส.แพทองธาร ยังแสดงความยินดีด้วยซ้ำที่ได้ลูกชายน้องธาษิณ จึงไม่ใช่เวลาที่เราจะมาวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้ น.ส.แพทองธารแข็งแรงมาก แค่วันสองวันก็ออกมาแล้ว ออกมากอบกู้พรรคเพื่อไทย
เมื่อถามถึงกรณีที่โลกโซเชียลเผยแพร่ศึกวิวาทะ "หนูนิด" นายอนุทิน กล่าวว่า จะหนูนิด หนูหน่อย หนูอี๊ด หนูแอ๊ด ก็ไม่มีปัญหา ส่วนจะมีปัญหาในการจับคู่รัฐบาลในอนาคตหรือไม่ ตนขอย้ำว่าเคยบอกไปแล้วว่าแต่ละพรรค เขารู้ว่าคนไหนคือคนที่เคาะ เราจบประเด็นนี้ได้แล้ว เพราะการที่ตนตอบโต้นายเศรษฐา เพราะเขามาโจมตีพรรคภูมิใจไทยก่อนในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง สิ่งที่เป็นเท็จเราก็ต้องออกมาตอบโต้
ส่วนกรณีที่ลูกพรรคหลายคน ออกไปดำเนินคดีกับนายเศรษฐา เพราะกระทบกับตัวเขา ตนจะไปบังคับเขาได้อย่างไร เพราะพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เสียหายอย่างเดียวผู้สมัครก็เสียหายด้วย จะทำอะไรก็ได้แต่อย่าให้ผิดกฎหมาย อย่าทำอะไรที่จะกระทบต่อคะแนนที่ประชาชนจะเลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งต้องระวัง เพราะจะผิดไม่รู้อีกกี่กระทง
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมาประกาศจะจัดตั้งศูนย์ต่อต้านกัญชา จนกว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นฝ่ายค้าน นายอนุทิน กล่าวสวนกลับทันทีว่า คงอีกหลายปี จริงๆ แล้วสิ่งที่นายชูวิทย์ดำเนินการป้องกันการใช้กัญชาผิดกฎหมายถือเป็นเรื่องดี เรื่องที่เป็นประโยชน์ให้กับบ้านเมือง แต่ถ้าใช้กัญชาเพื่อเศรษฐกิจทางการแพทย์สุขภาพ อันนี้ใครก็ต้านไม่ได้
ด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงช่วงโค้งสุดท้ายในการหาเสียงเลือกตั้ง ว่า จะมีแคมเปญที่ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคที่เตรียมการไว้ ซึ่งจะออกในช่วงโค้งสุดท้าย และเป็นการสื่อสารที่ตรงเป้าน่าสนใจ ส่วนผลโพลที่ดูเหมือนว่าพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่อันดับ 3 อันดับ 4 นั้น ประชาชนทั้งประเทศก็ต้องช่วยกันพา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ฝ่าผลโพลออกไปให้เป็นนายกฯ อีกครั้ง เพราะหากผลโพลเป็นไปตามที่ออกมานั้น ประเทศจะเดินหน้าลำบากเพราะจะกลายเป็นว่า สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ทำมา 8 ปี ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว จะไม่สามารถทำต่อได้ และจะเป็นปัญหาในอนาคต
นายธนกร กล่าวว่า สุดท้ายก็จะมีสองฝั่งคือ ฝั่งพล.อ.ประยุทธ์และพรรคฝั่งเพื่อไทย ส่วนพรรคก้าวไกลก็จะมีแฟนคลับเขาอยู่แล้ว แต่ตนบอกได้เลยว่าผลโพลไม่ใช่ผลการเลือกตั้ง ซึ่งวันนี้ประชาชนเขาก็ตัดสินใจแล้ว แต่จะมีส่วนที่เป็นพลังเงียบอยู่เยอะ ซึ่งพลังตรงนี้หากต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปข้างหน้าอย่างสงบ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เขาก็จะเลือกพล.อ.ประยุทธ์ไปต่อ เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าในทิศทางทำให้บ้านเมืองมีความสงบ ใช้ชีวิตได้อย่างที่เป็นอยู่ สะดวกสบาย ไม่มีความขัดแย้ง
สำหรับพื้นที่ภาคใต้ต้องยอมรับว่าสวนกระแส และตรงข้ามกับโพลแน่นอน เพราะที่นายกฯ ลงพื้นที่จ.ตรัง จ.พัทลุง จ.สงขลา จ.สุราษฎร์ธานี ผ่านบ้านประชาชนร้อยหลัง มี 99 หลัง รู้ว่าลุงตู่มา ก็เดินออกมานอกบ้าน ชูมือเชียร์หมายเลข 22 ซึ่งคะแนนนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ ในภาคใต้สูงมาก เป็นชัยชนะของพล.อ.ประยุทธ์จริงๆ มันมีพลังส่วนนี้อยู่เยอะ ทั้งนี้ คนที่ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และประชาชน คนที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตของพล.อ.ประยุทธ์ และยึดมั่นในผลงานตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา หากมองด้วยใจที่เป็นธรรม ก็จะเห็นผลงานมากมายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ ซึ่ง 4 ปีที่ผ่านมา มีงบประมาณลงไปพัฒนาภาคใต้เกือบ 3 แสนล้านบาททั้งถนนหนทาง โครงสร้างพื้นฐานที่เต็มรูปแบบ ซึ่งสามารถเห็นด้วยตา และจับต้องได้ ฉะนั้นวันนี้พื้นที่ภาคใต้เลือกพล.อ.ประยุทธ์ ถล่มทลายแน่นอน เพราะเราไปสัมผัสด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามขณะนี้ทราบว่าในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้มีการเก็บบัตรประชาชน มีการซื้อเสียงกันมากอย่างเอิกเกริกอยากฝากให้กกต. เข้าไปดูแลตรวจสอบด้วย แต่ผมมั่นใจว่าคนใต้ซื้อไม่ได้ เพราะทั้งหัวใจมอบให้พล.อ.ประยุทธ์หมดแล้ว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัครส.ส. เขตหลักสี่ จตุจักร พร้อมด้วย นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย ผู้สมัคร ส.ส.เขตวังทองหลาง บางกะปิ และนายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางเขน จตุจักร หลักสี่ ร่วมแถลงข่าวถึงจุดยืนของพรรค ในนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
โดย พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากปัญหายาเสพติดเป็นภัยคุกคามที่กระทบต่อชีวิต สังคม และประเทศอย่างรุนแรงพรรคประชาธิปัตย์จึงจัดทำโครงการ ฟัง - คิด - ทำ เพื่อรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน และพบว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญปัญหาหนึ่ง ดังนั้นพรรคจึงมีนโยบาย "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอายาเสพติด และไม่สนับสนุนกัญชาเสรี" พร้อมๆ ไปกับนโยบายปราบทุจริต คอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดวิกฤตชาติ และสาเหตุที่ 2 นโยบายดังกล่าวมีความเกี่ยวเนื่องกันนั้น เป็นเพราะปัญหายาเสพติดส่วนหนึ่งเกิดมาจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นหากเราสามารถแก้ปัญหายาเสพติด และปัญหาทุจริตได้ ก็จะทำให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีผู้ติดยาเสพติดประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งทำให้มีการใช้สิ่งเสพติด จำพวกยาบ้า ยาไอซ์ เฮโลอีน และอื่นๆ มากกว่า 3 ล้านเม็ด และคิดเป็นการมูลค่าความสูญเสียกว่า 300 ล้านบาทต่อวัน ปีละไม่ต่ำกว่าแสนล้าน ซึ่งยังไม่รวมถึงงบประมาณสำหรับการป้องกัน ปราบปราม บำบัด รักษา ดังนั้น ด้วยนโยบาย "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอายาเสพติด และไม่สนับสนุนกัญชาเสรี" จึงมีความจำเป็นต้องเริ่มต้นการแก้ไขตั้งแต่การเจรจากับต่างประเทศ การสกัดการส่งออกสารตั้งต้น การเพิ่มอำนาจ ป.ป.ส