เมื่อวันที่ 4 พ.ค.66 พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจ กองบัญชาการตำรวจนครบาล( บช.น.) ว่าเบื้องต้นพนักงานสืบสวนสอบสวนจะเข้าสอบปากคำนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือแอม เพิ่มเติมบางประเด็นที่สงสัยในทัณฑสถานหญิงกลาง เวลาประมาณ 15.00 น. รวมถึงทาง พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ทำเอกสารและประสานเรื่องข้อมูลไปยังเรือนจำ ส่วน พ.ต.ท.วิฑูรย์ อดีตสามีนางสรารัตน์ อยู่ระหว่างขอศาลฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม

พล.ต.ต.นำเกียรติ เปิดเผยอีกว่าหมายจับนางสรารัตน์นั้น ก่อนหน้ามีการดำเนินการไปแล้วบางส่วน คาดว่าหมายจับทั้ง 14 หมายครบแล้วเหลือเพียงกรณี น.ส.มณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ หรือ ทราย เหตุเกิดพื้นที่ สน.ทองหล่อ อยู่ระหว่างตรวจสอบโดยมีพยานยืนยันชัดเจนว่านางสรารัตน์ เดินทางไปรับน.ส.มณฑาทิพย์ ที่สนามบินเพราะในวันดังกล่าวพยานไปกับนางสรารัตน์ ที่สนามบินด้วยถ้าจะมีการแจ้งข้อหาคือข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

พล.ต.ต.นำเกียรติ เปิดเผยอีกว่าสำหรับการสอบปากคำนางสรารัตน์ นั้นจะเป็นการขอข้อมูลเพิ่มเติมทั้งหมดเกี่ยวกับตัวผู้ต้องหา เพื่อใช้เป็นแนวทางการสืบสวนไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเงินกู้ การรับจำนำ การที่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ขับรถไปรับหลังนายสุทธิศักดิ์ พูนขวัญ หรือแด้ เสียชีวิตหรือการที่ผู้ต้องหานำสร้อยทองไปจำนำตามโรงรับจำนำต่างๆ เป็นต้น ส่วนจะให้การหรือไม่นั้นเป็นสิทธิของผู้ต้องหา หากผู้ต้องหาไม่ให้การหรือไม่ให้ความร่วมมือก็มีวิธีอื่นๆ ไม่ได้ใช้เพียงพยานบุคคลเท่านั้น หากผู้ต้องหาไม่ให้การก็มีอย่างอื่นที่จะพิสูจน์ ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ก็จะรู้แล้วว่าจะยังให้การเหมือนเดิมหรือไม่ ถ้าผู้ต้องหายังทำเหมือนเดิมมันก็จะไม่เป็นผลดีกับตัวผู้ต้องหา เนื่องจากถ้าหากในการกระทำความผิดใดมันเป็นเรื่องจริง ผู้ต้องหาก็ควรรับสารภาพเพราะการรับสารภาพอาจจะช่วยลดโทษกึ่งหนึ่งได้ถ้าไม่ให้ความร่วมมือใดๆเลยก็จะเป็นผลต่อผู้ต้องหาเมื่อเข้าสู่ชั้นศาลเพราะพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐาน

พล.ต.ต.นำเกียรติ กล่าวยืนยันว่าคดีที่เกิดขึ้นมีผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดี 2 ราย คือนางสรารัตน์ และ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ส่วนบุคคลใกล้ชิดกับฝ่าย พ.ต.ท.วิฑูรย์ ยังคงไม่เกี่ยวข้องมีสถานะเป็นพยาน