สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในการสร้าง “ศูนย์ความรู้เพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน” (KRAC) เพื่อผลักดันไทยสู่การเป็นศูนย์กลางความรู้ระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ในปี 2565 ประเทศไทยได้รับผลการประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index) หรือ CPI จากองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International : TI) ให้อยู่ในลำดับที่ 101 จาก 180 ประเทศทั่วโลก และอยู่ในลำดับที่ 5 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยคะแนนเพียง 36 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 1 คะแนนเท่านั้น ในขณะที่ยุทธศาสตร์ชาติตั้งเป้าไว้ว่าประเทศไทยจะต้องได้คะแนน CPI ไม่ต่ำกว่า 50 คะแนน ชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์คอร์รัปชันในไทยนั้นสูงมากและรุนแรงขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความร่วมมือในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาควิชาการ เพื่อสนับสนุนองค์ความรู้สู่การดำเนินงาน จนเกิดเป็นระบบนิเวศของการต่อต้านคอร์รัปชันให้กับสังคมไทยในที่สุด
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมและสนับสนุนทางวิชาการ สร้าง “ศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค” (Knowledge hub for Regional Anti – Corruption and good governance Collaboration: KRAC) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล งานวิชาการ นวัตกรรมหรือเครื่องมือในการต่อต้านคอร์รัปชันและส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึงความสำคัญของการจัดตั้งศูนย์ความรู้เพื่อการต่อต้านคอร์รัปชัน เนื่องจากหนึ่งในเป้าประสงค์สำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ คือการแก้ไขปัญหารากเหง้าของสังคม ได้แก่ การแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน การสร้างสังคมคุณธรรมและการส่งเสริมธรรมาภิบาล เพื่อสังคมไทยมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเป็นสังคมคุณธรรม มีธรรมาภิบาล โดยมุ่งประยุกต์ใช้ผลงานวิจัย องค์ความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับทิศทางของการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม
รศ.ดร.สิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่ท้าทายของสังคมไทยในปัจจุบัน คือปัญหาการคอร์รัปชันที่มีความรุนแรงและสร้างความเหลื่อมล้ำในสังคมให้กว้างมากขึ้น เพื่อยกระดับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์คอร์รัปชันในทางที่ดีขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ยินดีที่จะสนับสนุนด้านองค์ความรู้ทางวิชาการ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในงานต่อต้านคอร์รัปชันร่วมกันระหว่างสองหน่วยงาน
“ศูนย์ความรู้เพื่อการต่อต้านคอร์รัปชันนี้จะเป็นโอกาสที่สำคัญในการสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านคอร์รัปชันและประชาชนทั่วไป จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเชื่อมโยงองค์ความรู้ในการต่อต้านคอร์รัปชันสู่การปฏิบัติงานจริง ซึ่งจะสร้างความก้าวหน้าให้กับกระบวนการทำงานต่อต้านคอร์รัปชันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และนานาชาติจะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกและบทเรียนร่วมกันเพื่อขจัดปัญหาคอร์รัปชันได้”
ผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค หัวหน้าศูนย์ความรู้เพื่อความร่วมมือในการต่อต้านคอร์รัปชัน และส่งเสริมธรรมาภิบาลในระดับภูมิภาค กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการตอกย้ำความพร้อมของประเทศไทยสู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน ภายใต้ฐานขององค์ความรู้ทางวิชาการสู่การปฏิบัติ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือนานาชาติผ่านโครงการและกิจกรรมต่อต้านคอร์รัปชันของศูนย์ฯ ตลอดทั้งปี 2566 ได้แก่ หลักสูตรการต่อต้านคอร์รัปชันและส่งเสริมธรรมาธิบาลออนไลน์ หลักสูตรการต่อต้านคอร์รัปชันเชิงปฏิบัติการสำหรับข้าราชการ ฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านการต่อต้านคอร์รัปชัน และกิจกรรมการส่งเสริมการลงมือต้านโกงกับเครือข่ายระดับนานาชาติ
“ศูนย์ KRAC จะเป็นจุดเริ่มต้นที่จุดประกายความหวังของสังคมและสร้างบุคลากรที่จะเข้ามามีส่วนร่วมการต่อต้านคอร์รัปชันและการส่งเสริมธรรมาภิบาลของสังคมไทย” ผศ.ดร.ต่อภัสสร์กล่าวในที่สุด