วันที่ 3 พ.ค.66 นางสาวอโนมา วงษ์ใหญ่ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานพัทยา กล่าวว่าในช่วงก่อนโควิด- 19 นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้ามาประเทศไทยจำนวน 9 แสนกว่าคน ในจำนวนนี้มีที่เดินทาง เข้ามาท่องเที่ยวที่เมืองพัทยาประมาณ 6 แสนคน ซึ่งถือเป็นรายได้อันดับที่ 3 รองจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน และนักท่องเที่ยวรัสเซีย ในช่วงปี 62 แต่หลังจากที่มีการเปิดประเทศในปี 65 นักท่องเที่ยวชาวอินเดียก็เดินทางเข้ามาก่อนประเทศอื่นๆ จึงทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้ามาพัทยาค่อนข้างที่จะเยอะ โดยนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางเข้ามาเมืองพัทยาจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มประชุมสัมมนา และอีกกลุ่มคือกลุ่มที่มาท่องเที่ยวแบบ FIT  ซึ่งกลุ่มท่องเที่ยวก็จะเดินทางเข้ามาพัทยาทั้งปี ส่วนกลุ่มประชุมสัมมนา ก็จะเริ่มเดินทางเข้ามาในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึง เดือนสิงหาคม และในช่วงปลายปีนักท่องเที่ยวอินเดียก็จะลดลงโดยกลุ่มประชุมสัมมนาจะกระจายอยู่ทั่วเมืองพัทยา ไม่ว่าจะเป็นโซน พัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ และเขาพระตำหนัก ส่วนกลุ่มที่มาท่องเที่ยวก็จะพักอยู่โซนพัทยากลาง และพัทยาใต้เป็นหลัก ซึ่งมีราคาที่พักไม่สูงมากนัก ขณะที่ตัวเลขของนักท่องเที่ยวอินเดียที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่เมืองพัทยาในช่วงปีนี้คาดว่าคงจะไม่ต่ำกว่า 6 แสนคน โดยนักท่องเที่ยวอินเดียเหล่านี้จะมีอัตราค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2000-3000 บาท/คน/วัน เนื่องจากการประชุมสัมมนาจะมีงานเลี้ยงกาลาดินเนอร์ถ้าเป็นกลุ่มที่มาท่องเที่ยวก็จะใช้จ่ายอยู่ 1000-2000บาท/คน/วัน

นางสาวอโนมา  กล่าวต่อไปว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอินเดียกลุ่มสัมมนานอกจากจะมีค่าใช้ จ่ายเรื่องที่พัก เรื่องอาหาร เรื่องการท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆในเมืองพัทยา เช่น สวนนงนุชพัทยา อัลคาซ่า เกาะล้าน เป็นต้น นอกจานั้นก็จะใช้จ่ายในการเที่ยวตามสถานบันเทิง ทั้งนี้ ททท.ก็ได้ผลักดันตลาดใหม่คือตลาดการเล่นกอล์ฟ โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทาง ททท. ได้ไปออกโรดโชว์เพื่อเปิดทำการขายในกลุ่มตลาดกอล์ฟ เนื่องจากเป็นตลาดที่มีคุณภาพ เพื่อให้นักท่องเที่ยวอินเดียเข้ามาใช้จ่ายเงินในเส้นทางท่อง เที่ยวที่ดีๆเพิ่มมากขึ้น