เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พ.ต.อ.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.1 แถลงข่าวจับกุม น.ส.นุสรา (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี หนึ่งในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหลอกลวงสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนมูลค่าความเสียหายรวม 36 ล้านบาท
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อต้นปี 2564 ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหายเป็นอดีตข้าราชการรัฐวิสาหกิจ ว่า มีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก โปรไฟล์ ชื่อ “Helen” ส่งข้อความมาหาผู้เสียหายทางเฟซบุ๊ก อ้างว่า ถูกกักตัวอยู่ในค่ายทหารที่ประเทศซีเรีย โดยมีแผนที่จะหลบหนี เพราะในค่ายมีการสู้รบกันทุกวัน จึงขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหาย ให้รับพัสดุที่จะส่งมายังประเทศไทยไว้ให้ก่อน แล้วจะมารับพัสดุดังกล่าวภายหลังจากเข้ามาประเทศไทย โดยแจ้งแก่ผู้เสียหายว่าในกล่องพัสดุดังกล่าวเป็นเงินสหรัฐ จำนวน 1,700,000 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 50 ล้านบาท ต่อมามีการติดต่อกันผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ โดยอีกฝ่าย ชื่อ “Helen” และ “T” จากนั้นเฟซบุ๊กดังกล่าวก็มีการปิดตัวลง
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวอีกว่า จากนั้นมีผู้ใช้แอพพลิเคชั่น ไลน์ชื่อ “Fast Move Cargo” เพิ่มเป็นเพื่อนผู้เสียหาย อ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ทำหน้าที่นำพัสดุกล่องเงินที่ส่งมาจากประเทศซีเรียส่งมาให้แก่ผู้เสียหาย ในการดำเนินการจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่น เงินประกันกล่องพัสดุ, ค่าจัดส่ง, ค่าคนคุ้มครองในการจัดส่ง, ค่าจัดทำเอกสารเพื่อนำกล่องพัสดุออกจากการท่าอากาศยาน และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง
โดยเริ่มมีแจ้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.64 ถึงวันที่ 10 ก.ย.64 จำนวน 34 ครั้ง โอนไป 16 บัญชี สูญเงินทั้งสิ้นกว่า 36,984,000 บาท
ต่อมาศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุม น.ส.นุสรา ได้ที่บริเวณริมถนนเลียบคองพิง ต.บึงเสนาท อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวอีกว่า คดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวกับโรแมนสแกม หลอกให้รัก ทำเป็นขบวนการ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะมีการโอนเงินไปให้ โดยตำรวจได้ออกหมายจับไปแล้วทั้งสิ้น 15 หมายจับ จับแล้ว 11 คน โดยเชื่อว่าอาจเป็นกลุ่มคนต่างชาติผิวสีที่อยู่เบื้องหลัง ส่วนเงินที่โอนเข้าไปในบัญชี ขณะนี้อยู่ที่ต่างประเทศแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบเงินในบัญชีผู้ต้องหารายนี้ มีเงินที่ถูกโอนเข้าไป 1.9 ล้านบาท โดยหลังจากนี้ตำรวจยังคงติดตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมตรวจสอบผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ต่อไป
ด้าน น.ส.นุสรา ให้การอ้างว่า ได้รับการไหว้วานจากครูสอนธรรมะที่เคยเรียนในอดีต ให้เปิดบัญชีม้า ทั้งสิ้น 3 บัญชี และเมื่อเปิดแล้ว ตนก็ไม่ได้ติดตามว่าบัญชีถูกนำไปใช้อะไร และการเปิดทั้ง 3 บัญชี ก็ไม่ได้รับค่าจ้างแต่อย่างใด มีเพียงค่ารถให้ไปเปิดบัญชี ที่ จ.นครสวรรค์ประมาณ 400 บาท เท่านั้น และเมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่มีการจับกุมบัญชีม้าอย่างต่อเนื่อง ก็ได้ติดต่อไปยังบุคคลที่ไหว้วานให้ไปเปิดบัญชีอีกครั้ง เพื่อสอบถามว่าบัญชีที่ตนเปิดนำไปใช้อะไร ซึ่งได้คำตอบว่า บัญชีถูกส่งต่อไปให้บุคคลที่สามแล้ว ก่อนที่จะมาถูกจับกุมได้ในที่สุด