วันที่ 2 พ.ค.66 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า...

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 21,090 คน ตายเพิ่ม 73 คน รวมแล้วติดไป 687,124,170 คน เสียชีวิตรวม 6,863,853 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รัสเซีย เวียดนาม และฝรั่งเศส

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 17 ใน 20 อันดับแรกของโลก

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 96.58 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 97.26

...อัพเดตความรู้โควิด-19

"เด็กๆ นั้น หากไม่ป้องกันให้ดี จะแพร่ไปสู่ครอบครัวได้จำนวนมาก"

Park E และคณะ จากหน่วยงานควบคุมและป้องกันโรค ประเทศเกาหลีใต้ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาที่สำคัญ ในวารสารการแพทย์ Yonsei Medical Journal เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา

โดยทำการสอบสวนการระบาดใหญ่ที่เกิดขึ้นโรงเรียน สถานเลี้ยงเด็ก และในครอบครัว ที่เกิดขึ้นในเดือนมกราคมปีที่แล้วที่เกาหลีใต้

ผลการศึกษานั้นชี้ให้เห็นว่า เด็กอายุ 10 ขวบซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อคนแรกนั้นสามารถแพร่เชื้อให้แก่คนอื่นๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้ จนทำให้เกิดการติดเชื้อต่อเนื่องไปถึง 75 ครอบครัว จำนวนทั้งสิ้น 201 คน (โดยในจำนวนนี้มีผลตรวจยืนยัน 88 คน)

การติดเชื้อแพร่เชื้อเกิดขึ้นทั้งในสถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก โรงเรียนเทควันโด โรงเรียนสอนภาษาและคณิตศาสตร์ และอื่นๆ รวมถึงภายในครอบครัว

อัตราการติดเชื้อแพร่เชื้อระหว่างกันจากคนติดเชื้อไปยังคนถัดไปนั้นสูงถึง 30-50% (secondary attack rate)

ผลการศึกษานี้ชี้ให้เราเห็นความสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง และคุณครู ควรให้ความรู้ ฝึกทักษะ และย้ำเตือนลูกหลานของเราให้ป้องกันตัวระหว่างไปเรียน นอกจากนี้โรงเรียนยังควรดูแลเรื่องสุขอนามัย การล้างมือ ปรับกิจกรรมระหว่างเรียนให้ปลอดภัยกว่าในอดีต รวมถึงปรับสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้มีการระบายอากาศให้ดี และคอยตรวจตรา สังเกตเด็กๆ หากมีใครไม่สบาย มีไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ก็ควรแยกจากเด็กคนอื่นๆ ไปรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน

ประเทศไทยกำลังจะเปิดเทอมแล้ว โดยสถานการณ์ปัจจุบันมีการติดเชื้อจำนวนมากในชุมชน ดังนั้นหากไม่วางแผนเตรียมรับมือให้ดี จะเกิดการระบาดจำนวนมากได้

...ตัวเลขรายสัปดาห์ของไทย 23-29 เม.ย.2566

เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าแทบทุกสถิติ...

ป่วยนอนโรงพยาบาล 1,811 ราย ตาย 10 ราย ปอดอักเสบ 157 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 79 ราย

...คาดประมาณจำนวนติดเชื้อใหม่แต่ละวันอย่างน้อย 12,936-17,967 ราย

ย้ำดังๆ ว่า ติดเชื้อแต่ละครั้งป่วยได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อภาวะผิดปกติระยะยาวอย่าง Long COVID

ไม่ควรหลงไปกับความเชื่องมงายให้ใช้ชีวิตลั้นลา

...วาทกรรมวิบัติประเภท "ไม่กลัวโควิดแต่กลัวอดตาย" นั้นนำไปสู่พฤติกรรมปล่อยปละละเลยเพิกเฉย และติดเชื้อซ้ำซาก ป่วย ตาย หรือผลกระทบระยะยาวอย่าง Long COVID ที่สุดท้ายแล้วก็ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเจ้าของวาทกรรม ครอบครัว และคนอื่นในสังคม

รวมถึงสร้างภาระค่าใช้จ่ายสุขภาพที่ประเทศต้องแบกรับเวลาป่วย ถือเป็น risk sharing ที่ไม่เป็นธรรมต่อคนอีกจำนวนมากในสังคมที่ดูแลตนเองกันอย่างดี

กลัวอดตาย ก็ควรตั้งใจทำงาน ขยันทำมาหากิน โดยใส่ใจสุขภาพตนเอง ป้องกันตัวอย่างเป็นกิจวัตร ไม่ประมาท

จะได้สุขภาพแข็งแรง ไม่ติด ไม่ป่วย

ไม่ใช่กลัวอดตาย แต่แถจนสีข้างถลอกซ้ำซากด้วยความมักง่ายและสร้างผลกระทบต่อสังคม อ้างแต่ตรรกะที่ไม่ถูกต้อง

ทำงาน เรียน เที่ยว...ด้วยความไม่ประมาท ระมัดระวังป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ ก็จะลดความเสี่ยงลงไปตามลำดับ

ป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ติดซ้ำ ย่อมดีที่สุด

การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ...สำคัญมาก

อ้างอิง

Park E et al. Widespread Household Transmission of SARS-CoV-2 B.1.1.529 (Omicron) Variant from Children, South Korea, 2022. Yonsei Med J. 2023 May;64(5):344-348.