ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาท ชู โครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว นำร่อง วสช.โรงสีชาวนาบ้านหนองเด่น เปลี่ยนมาใช้เมล็ดพันธุ์ดีเพาะปลูก
ข้าวเป็นพืชที่มีความสำคัญกับสังคมไทยมาช้านานทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การทำนาเป็นอาชีพเกษตรกรรมส่วนใหญ่ของประชากรในประเทศ ประมาณ 4.6 ล้านครัวเรือน สามารถผลิตข้าวได้ปีละกว่า 30 ล้านตันข้าวเปลือก ดังนั้น อาชีพชาวนาจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาประเทศ การทำนาได้ปริมาณผลผลิตข้าวต่ำ!!! ยังคงเป็นปัญหาที่พบเห็นอย่างต่อเนื่องของพี่น้องชาวนา สาเหตุหลักมาจากการใช้เมล็ดพันธุ์ที่ไม่ได้คุณภาพหรือเมล็ดพันธุ์ที่เก็บไว้นานจนเกินไป ส่งผลต่อการงอก ส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิตข้าวและต้นทุนการผลิตการจัดการการดูแลที่เพิ่มขึ้นทุกฤดูการผลิต
นายสุวิทย์ เผือกจีน ผู้อำนวยการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาท เปิดเผยถึง โครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวปี 2566 ที่กรมการข้าวได้มุ่งเน้นส่งเสริมให้ชาวนาสามารถเข้าถึง และได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจากกรมการข้าวทั่วประเทศ โดยเกษตรกร สามารถเข้าร่วมโครงการได้ผ่านกลุ่มเกษตร และสถาบันเกษตรกร เช่น ศูนย์ข้าวชมชนในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด ในราคาตามหลักเกณฑ์ของกรมการข้าวที่ได้กำหนดไว้ เพื่อให้ชาวนาได้มีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีสำหรับการเพาะปลูก และขยายพันธุ์ อีกทั้งยังเป็นการยกระดับปริมาณและคุณภาพผลผลิตข้าว ให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้
วิสาหกิจชุมชนโรงสีชาวนาบ้านหนองเด่น ตำบลสุขเดือนห้า อำเภอเนินขาม จังหวัดชัยนาท เป็นอีกหนึ่งกลุ่มชาวนาที่พบเจอกับปัญหานี้ที่กล่าวมาข้างต้น นายสำราญ ยิ้มละมัย ประธานวิสาหกิจชุมชนโรงสีชาวนาบ้านหนองเด่น เปิดเผยว่า เดิมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโรงสีชาวนาบ้านหนองเด่น ซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าวจากท้องตลาดทั่วไปหรือที่เรียกกันว่ากระสอบขาวทุกฤดูกาลเพาะปลูกเลย ซึ่งได้ผลผลิตข้าวที่ได้ไม่ดีนัก ความงอกของข้าวก็น้อยบางครั้งมีหญ้า หรือมีพันธุ์อื่นปน ทั้งเมล็ดพันธุ์ข้าวก็มีราคาแพง จึงมีความคิดที่จะเก็บพันธุ์ไว้ใช้เอง พอทราบข่าวจากเจ้าหน้าที่เกษตรฯในพื้นที่ และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาทมาประชาสัมพันธ์ ว่ามีโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว จึงสนใจเข้าร่วมโครงการฯ และรวมกลุ่มกันภายในหมู่บ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวมาให้คำแนะนำในการทำแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่จะทำเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง โดยเราขอสนับสนุนเมล็ดพันธุ์ที่เข้าร่วมโครงการฯ ในราคากิโลกรัมละ3 บาท หลังจากนั้นก็มาจัดจ่ายให้กับสมาชิกในกลุ่มตามพื้นที่ของสมาชิก
ด้าน น.ส.ทองพาขวัญ ทรัพย์เริงสกุล นักวิชาการการเกษตรชำนาญการ ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาท กล่าวเพิ่มเติม ว่า จากการที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาทได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์โครงการฯโดยความร่วมมือของกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อที่จะให้เกษตรกรเข้าร่วม ในพื้นที่อำเภอเนินขามมีเกษตรกรให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการฯอย่างมาก ได้มีการรวบรวมรายชื่อสมัครเข้าร่วมโครงงการ หลังจากนั้นเราก็ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยจะต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนการปลูกข้าวกับกรมส่งเสริมการเกษตร ในปี 2564/65 และไม่ได้รับความช่วยเหลือเมล็ดพันธุ์ข้าวจากหน่วยงานของกรมการข้าวในปี 2565-2566 ได้สิทธิ์ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ ไร่ละไม่เกิน 15 กิโล รายละไม่เกิน 450 กิโลกรัม หลังจากนั้นก็ได้ดำเนินการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกร ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาทได้มีเจ้าหน้าที่ออกมาติดตามว่าเกษตรกรนำมาเพราะปลูกจริงหรือไม่ หรือในรายที่ยังไม่ได้เพาะปลูกมีการเก็บรักษาถูกวิธีหรือไม่ อีกทั้งมีการแนะนำให้ความรู้ในการเพาะเมล็ดให้กับเกษตรกรเพื่อที่จะได้ใช้เมล็ดพันธุ์ ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
“ปีนี้คาดการณ์ว่าตนเองและสมาชิกกลุ่มจะมีเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตด้วยตนเองไว้ใช้ในฤดูการเพาะปลูกหน้า ต้นทุนการผลิตในด้านเมล็ดพันธุ์ลดลง ตนเองและกลุ่มก็จะพัฒนาความรู้ด้านการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ใช้เอง โดยขอสนับสนุนองค์ความรู้จากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว และอยากให้มีโครงการฯดีๆแบบนี้ต่อไปเพราะชาวนาได้รับประโยชน์อย่างมาก ตอนนี้ปัจจัยการผลิตข้าวอื่นๆมีราคาสูงขึ้น พอมีโครงการฯแบบนี้ พวกเราก็ประหยัดเงินในกระเป๋าไปได้เยอะเลย” นายสำราญ กล่าว
โครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว ที่กรมการข้าวได้มุ่งเน้นส่งเสริมให้ชาวนาสามารถเข้าถึงและได้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีจากกรมการข้าวครอบคลุมทั่วถึงทั้งประเทศ จะเป็นทางรอดและทางเลือกให้ชาวนาไทยได้ยกระดับปริมาณและคุณภาพผลผลิตข้าว ข้าวไทยจะสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ ชาวนาไทยจะสามารถลดต้นทุนการผลิต มีรายได้เพิ่มขึ้น อย่างยั่งยืนต่อไป