วันที่ 1 พ.ค.2566 ที่ลานคนเมือง เขตพระนคร นายชินโชติ แสงสังข์ ประธานจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี2566 กล่าวว่า ในการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติประจำปี 2566 ครั้งนี้ กลุ่ม 15 สภาองค์การลูกจ้าง สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย และกลุ่มแรงงานนอกระบบ ร่วมกันจัดงานเพื่อแสดงจุดยืนของผู้ใช้แรงงาน โดยมีการยื่นข้อเรียกร้องต่อภาครัฐในวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2566 รวม 7 ข้อ ประกอบด้วย
ข้อ 1 รัฐบาลต้องรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 ว่าด้วยเสรีภาพในการสมาคมและการคุ้มครองสิทธิในการรวมตัว และฉบับที่ 98 ว่าด้วยสิทธิในการรวมตัวและการร่วมเจรจาต่อรอง
ข้อ 2 ให้รัฐบาลตราพระราชบัญญัติ หรือประกาศเป็นกฎกระทรวงให้มีการจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยง
เพื่อเป็นหลักประกันในการทำงานของลูกจ้าง
ข้อ 3 ให้รัฐบาลปฏิรูป แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันสังคม ดังนี้ 3.1 ปรับฐานการรับเงินบำนาญ โดยให้มีอัตราเริ่มต้นที่ 5,000 บาท 3.2 ในกรณีผู้ประกันตนเกษียณอายุและรับบำนาญแล้ว เมื่อสมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ต่อให้มีสิทธิรับงินบำนาญต่อไป และผู้ประกันตนที่รับบำนาญชราภาพให้คงสิทธิไว้ 3 กรณี ได้แก่ การรักษาพยาบาลทุพพลภาพ และค่าทำศพ 3.3 ในกรณีผู้ประกันตนพ้นสภาพจากมาตรา 33 และประกันตนต่อตามมาตรา 39 การคำนวณเงินค่าจ้างเดิม 60 เดือน เป็นค่าตอบแทนต่างๆ ขอให้ใช้ฐานค่าจ้างจากมาตรา 33 รวมถึง 3.4 ขยายอายุผู้ประกันตนจาก 15-60 ปี ขยายเป็น 15-70 ปี เพื่อให้เข้ากับสังคมผู้สูงอายุ 3.5 ในกรณีผู้ประกันตนตามมาตรา 40 เพื่อสร้างแรงจูงใจและลดความเหลื่อมล้ำ ให้รวมทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 เป็นทางเลือกเดียวกัน และ 3.6 เมื่อผู้ประกันตนรับเงินบำนาญชราภาพมาแล้ว ขอให้ยังรักษาพยาบาลได้ตลอดชีวิต
ข้อ 4 ขอให้รัฐบาล (กระทรวงแรงงาน) จัดสร้างโรงพยาบาลประกันสังคม และจัดตั้งธนาคารแรงงาน
เพื่อผู้ใช้แรงงาน
ข้อ 5 ขอให้รัฐเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปในแนวทางจัดระบบสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลหลังเกษียณอายุให้ลูกจ้าง
ภาครัฐวิสาหกิจได้มีระบบสวัสดิการจากรัฐเทียบเคียงกับข้าราชการบำนาญและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 รวมถึง การให้ลูกจ้างภาครัฐวิสาหกิจได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้จาก
ค่าตอบแทนความชอบด้วยหลักเกณฑ์เช่นเดียวกับการลดหย่อนเงินได้ก่อนสุดท้าย หรือลดหย่อนเงิน
ค่าชดเชยที่ลูกจ้างเอกชนได้รับเมื่อถูกเลิกจ้าง ซึ่งได้ยื่นข้อเรียกร้องในวันแรงงานแห่งชาติไปแล้ว และ
ภาครัฐกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการ
ข้อ 6 เพื่อเพิ่มหลักประกันความมั่นคงให้กับลูกจ้าง ขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการให้พระราชบัญญัติกองทุน
บำเหน็จบำนาญแห่งชาติ มีผลบังคับใช้โดยเร็ว รวมถึง ข้อ 6.1 ให้รัฐบาล (กระทรวงแรงาน) ใช้มาตรการอย่างเคร่งครัด ให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้าง
รับเหมาค่าแรงต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 11/1
ข้อ 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แต่งตั้งคณะทำงานติดตามข้อเรียกร้องวันแรงานแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2566 และจัดให้มีการประชุมเพื่อติดตามผลทุก 2 เดือน
นายชินโชติ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้ใช้แรงงานยื่นเสนอต่อรัฐบาลมาทุกปี ซึ่งในปีนี้แม้จะอยู่ในช่วงเลือกตั้ง จึงขอฝากไปถึงรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเข้ามาพัฒนาประเทศ ให้ช่วยพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวด้วย
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าว เป็นการนำเสนอปัญหาที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และความต้องการของพี่น้องแรงงาน โดยเชื่อมั่นว่า ข้อเรียกร้องทั้งหมด 7 ข้อ จะเร่งดำเนินการและติดตามให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานพึงได้รับตามกฎหมาย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในการทำงาน มีหลักประกันและมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป
สำหรับกิจกรรมในวันแรงงานแห่งชาติปีนี้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานได้ออกบูธจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการด้านแรงงาน เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านแรงงาน ให้ความรู้เกี่ยวกับแรงงานไทยที่จะไปทำงานต่างประเทศ และการคุ้มครองคนหางาน ค่าจ้างขั้นต่ำ ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน และให้ความรู้เกี่ยวกับความคุ้มครองผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น โชว์ผลิตภัณฑ์งานฝีมือผู้เข้ารับการฟื้นฟู การตรวจสุขภาพเบื้องต้นจากโรงพยาบาลในเครือข่ายสำนักงานประกันสังคม และกิจกรรมเล่นเกมตอบปัญหาแจกรางวัล เป็นต้น