วันที่ 1 พ.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจ  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า ...

ทักษิณกับเนวิน อดีตที่ลืมไม่ลง

นายอนุทินแบไต๋บอกว่า “จับมือได้ทุกขั้ว”

หลังเลือกตั้งคะแนนออก ให้พรรคได้เสียงข้างมากรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน

ส่งสัญญาณถึงนายทักษิณให้ลืมอดีตที่ผ่านมากับนายเนวินที่หัก “นายเก่า” ด้วยประโยคติดหู

“มันจบแล้วครับนาย”

ข้ามขั้วไปกอดกับนายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น จัดตั้งรัฐบาลให้นายอภิสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกฯ

ส่วนตัวนายเนวินปาดหน้าเค้กงาบเอา “กระทรวงมหาดไทย” และ “กระทรวงคมนาคม” ไปครองชนิดเชิงการเมืองชั้นครูจนได้รับฉายา “ครูใหญ่”

จากนั้นสะสมทุนตั้งพรรค “ภูมิใจไทย” ขึ้นมาได้ถึงทุกวันนี้

เลือกตั้งครั้งก่อน ปี 2562 ก็ยังถีบหัวส่งพรรค “เพื่อไทย” ไปเป็นฝ่ายค้านอยู่ 4 ปีเต็ม

ส่วนตัวเองไปร่วมกับ “บิ๊กตู่” ในการจัดตั้งรัฐบาล

แค้นนี้คงไม่มีวันลืม เจ็บแล้วต้องจำ

แม้ถึงวันนี้ นายอนุทินจะพร่ำบอกว่า “ให้นายทักษิณลืมอดีต เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะเจ้าคิดเจ้าแค้นไปถึงไหน?”

ที่พูดเพราะนายอนุทินได้รับการอบรมจาก “ครูการเมืองชื่อเนวิน” ผู้เป็นโค้ชสอนเชิงมาโดยตลอด

เมื่อเห็นว่าครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำโด่งในทุกโพลล์ ขณะที่พรรคภูมิใจไทยสาละวันเตี้ยลง จึงงัดกลยุทธ์ขอสมานฉันท์เอาหน้าด้านๆ

ทีได้เอา ทีเสียก็จะพลิกเอาอีก ตามวิสัยของผู้รับเหมาผสมนักการเมือง

ไม่มีอุดมการณ์ใดๆ ไม่มีจุดยืนใดๆ ไม่มีความจริงใดๆ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

เปรียบเสมือนนายอนุทินทำธุรกิจการค้าหากำไรจากการเป็นรัฐบาลอย่างเดียว

จึงขอเตือนนายทักษิณ และพรรคเพื่อไทย

หลังผลคะแนนออก มองข้ามช็อตการรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล

จะต้องให้พรรคภูมิใจไทยไปเป็นฝ่ายค้าน

โดยนายอนุทินเป็น “ผู้นำฝ่ายค้านในสภา “

เพื่อให้เห็นการทำงานเพื่อประชาชนในสถานะฝ่ายค้าน

ภารกิจใหม่ในการต่อต้าน “พรรคภูมิใจไทย” ให้เป็นฝ่ายค้านจะเริ่มขึ้นทันที

อันเนื่องมาจากนโยบาย “กัญชาเสรี” ที่ทำร้ายสังคม

ประชาชนต้องให้ “บทเรียน” แก่พรรคการเมือง ให้ได้รับโทษ เพื่อไม่ให้กระทำการเยี่ยงนี้อีก เป็นตัวอย่างการสร้างเกราะป้องกันตัวให้กับสังคมต่อพรรคการเมือง

หากพรรคเพื่อไทยไปร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย

ผมจะขอต่อต้านพรรคเพื่อไทยด้วย

เพราะถือว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้นำเอา “กัญชา” ปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติดเข้าสู่สังคม

ทำให้เยาวชนเสี่ยงตกเป็นเหยื่อของกัญชาที่มีขายอย่างเสรีทั่วบ้านทั่วเมืองในขณะนี้ โดยอ้างเอา “กัญชาทางการแพทย์” มาบังหน้า

หากไม่ลงโทษพรรคภูมิใจไทยให้เป็นเยี่ยงอย่าง จะกำเริบเสิบสาน พรรคการเมืองใดกระทำการเช่นนี้อีก นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม

ที่นำเอายาเสพติดเข้าสู่สังคมไทย จับเยาวชนไทยเป็นตัวประกัน โดยไม่ได้มีกฎหมายควบคุมเหมือนประเทศอื่นๆ

ต่อต้านกัญชาเสรี ต่อต้านพรรคภูมิใจไทยไม่ให้เป็นรัฐบาล นำกัญชากลับให้เป็นยาเสพติด และให้ใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น

นี่คือคำสัญญาประชาคม จากประชาชนอย่างผม