ตร.ส่งหลักฐานในรถแอม ให้อ.อ๊อด ตรวจหาไซยาไนด์

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 เม.ย.มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ส่งเรื่องและหลักฐานขอความอนุเคราะห์ให้ห้องปฏิบัติการของ รองศาสตราจารย์ ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ในฐานะผู้ตรวจพิสูจน์หลักฐานเพื่อหาสารตัวยาไซยาไนด์ ในวัตถุพยานคดี นางสรารัตน์ หรือแอม ตรวจวิเคราะห์วัตถุพยานที่เก็บจาก รถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทา ทะเบียน กต 9532 นครปฐม ของนางสรารัตน์ หรือ แอม  จำนวน 12 รายการ ตรวจเก็บหลักฐานเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา 

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 66 น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย ผู้เสียชีวิต ขับรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว ทะเบียน กน 2340 กาญจนบุรี จากบ้านพักอาศัยไปจอดรถที่บริเวณบ้านพักของแอม อ.เมืองกาญจนบุรี และเปลี่ยนไปนั่งรถเก๋งโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทาทะเบียน กต 9532 นครปฐม มีผู้ต้องหาเป็นเจ้าของรถและเป็นผู้ขับรถคันดังกล่าว โดยขับจากจ.กาญจนบุรี ระหว่างทางได้แวะปั๊มน้ำมัน ปตท.ท่าไม้ อ.ท่ามะกา
จ.กาญจนบุรี หลังจากนั้นขับขี่รถต่อไปยังบริเวณที่เกิดเหตุริมแม่น้ำศาลาประชาคม อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ผู้เสียชีวิตได้ลงไปปล่อยปลา ระหว่างที่ผู้เสียชีวิลงไปปล่อยปลานั้น มีอาการหมดสติหรือเป็นลมและเสียชีวิตในวันเดียวกัน จึงได้ตรวจยีดรถยนต์เก๋งไว้ตรวจสอบ

วัตถุพยาน 12 ชิ้น ที่ใช้สำลีชุบเอทานอลเช็ดรถตามจุดต่างๆอย่างละ1 ถุง รวม 12 ถุง ประกอบด้วยตรวจเช็ดที่ประตูหน้าข้ายรถ(ด้านใน)ที่เบาะหน้าด้านซ้าย ที่คอนโซลหน้ารถด้านซ้ายที่พนักพิงด้านหน้ารถ ที่บานประตูหน้าขวา(ด้านใน)
ที่เบาะหน้าด้านขวา ที่พักเท้าหน้าขวา ที่เบาะหลังที่ช่องเก็บของหลัง ที่พักเท้าหน้าซ้าย ที่ Controlและที่พักเท้าหลังเพื่อให้ตรวจหาสารพิษ หรือยาพิษ หรือสารเคมีที่เชื่อมโยงกับไซยาไนด์ หรือสารพิษอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย อย่างละเอียดเพื่ประกอบสำนวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป

นอกจากนี้พนักงานสอบสวน สภ.ดอนตูม จ.นครปฐม ได้ส่งหลักฐานตู้เย็น ตรวจหาสารพิษ หรือยาพิษ หรือสารเคมีที่เชื่อมโยงกับไซยาไนด์ หรือสารพิษอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยตู้เย็นดังกล่าวตั้งอยู่ในห้องนอนของน.ส.ผุสดี สามบุมี อายุ 39 ปี หรือครูอ๊อด อดีตข้าราชการครู ที่เสียชีวิตอย่างเงื่อนงำคาดถูกแอมวางยา เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 ในบ้านเลขที่ 96 หมู่ 3 ต.บำลูกบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม 
สภาพศพชักเกร็ง มือจิก น้ำลายฟูมปากและจมูก พ่อดูแล้วว่าอาการคล้ายกับคนโดนวางยา อีกด้วย

ทั้งนี้ตู้เย็นเครื่องดังกล่าวพ่อแม่ของครูอ๊อดยืนยันไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวตั้งแต่วันที่ครูอ๊อดเสียชีวิตวันที่ 20 พ.ย.65 จนถึงปัจจุบันจึงได้ส่งมาตรวจสอบที่ห้องแล็บ

ด้านน.ส.โศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง เปิดเผยผ่านโทรศัพท์ถึงอาการของแอมว่า  ขณะนี้ เป็นวันที่ 3 ที่ แอม ใช้ชีวิตอยู่ภายในเรือนจำฯ ระหว่างการตั้งครรภ์ 4 เดือน โดยล่าสุด ยังคงอยู่ในห้องกักโรค ขณะนี้ความดันปกติ แม้ว่าคืนแรกจะมีความดันสูง แต่แพทย์ของทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ได้จ่ายยารักษาจนอาการทุเลา ล่าสุด ได้รับรายงานว่า แอม ไม่มีปัญหาเรื่องความดันแล้ว ส่วนอาหาร เมื่อเย็นวานนี้ สามารถรับประทานอาหารได้ ทั้งนี้ จากการอยู่ในเรือนจำฯ พบว่าแอมมีการปรับตัวได้ดี มีความเฟรนด์ลี่ (Friendly) โดยพยายามชวนผู้ต้องขังอื่นๆ ในห้องกักโรคพูดคุย ไม่มีการปลีกวิเวก หรือเก็บตัว รวมทั้ง ยังไม่ได้รับรายงานเรื่องอาการซึมเศร้าหรือการร้องไห้ฟูมฟายแต่อย่างใด ส่วนเรื่องชีพจรของเด็กในครรภ์ ยังปกติ เนื่องจากในกรณีของผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ จะมีการตรวจชีพจรของเด็กในครรภ์เสมอ

ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง อธิบาย ชีวิตของบุตรในครรภ์หลังคลอดว่า กรณีของ แอม ช่วงแรก แม่และลูกจะได้อยู่ด้วยกัน เพราะแม่จะต้องให้นมบุตรประมาณ 4 เดือน หรือหากหลังจากให้นมบุตรเสร็จสิ้น ทางญาติและครอบครัว อาจจะเข้ามารับเด็กออกไปก่อนก็ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของครอบครัวนั้นๆ หากไม่มีญาติมารับเด็กออกไป ก็อาจมีการส่งตัวเด็กไปยัง

ที่ที่รับดูแลเลี้ยงเด็กแทน ก่อนอายุ 1 ปี เพราะเราจะไม่ให้เด็ก ต้องเติบโตอยู่ในที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตาม ทางราชทัณฑ์ มีบุคลากรและโปรแกรมสำหรับช่วยดูแลผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือนิทานให้ฟัง การเปิดเพลง

บรรเลงเพลงโมสาร์ท การเรียนโยคะ กิจกรรมฝึกการเลี้ยงบุตร เพื่อเตรียมความพร้อมพัฒนาการให้กับเด็กในครรภ์ จากนั้น เมื่อเด็กคลอด ก็จะมีห้องและพี่เลี้ยง เพื่อช่วยเลี้ยงและดูแลทารกที่เพิ่งคลอด
ส่วนคนเป็นแม่ก็ใช้ชีวิตปกติ และในช่วงกลางคืน ถึงจะให้แม่และลูกได้นอนด้วยกัน ยืนยันว่า ทางราชทัณฑ์ให้ความดูแลแก่ผู้ต้องขังทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

ทั้งนี้ วันนี้ ทนายธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ เป็นทนายความของแอม ได้เข้าเยี่ยมพูดคุยกับลูกความ คาดว่า เป็นการพูดคุยในเรื่องคดีความที่เกิดขึ้น