พาณิชย์–DITP โชว์ผลสำเร็จ NEA BizTalk : ก้าวทันการค้าโลก ปี 2 อัปเดตเทรนด์การค้า เจาะลึกข้อมูลและกลยุทธ์บุก 6 ตลาดการค้าระดับโลก “ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์–แอฟริกา–รัสเซีย–ยุโรปกลาง–ยุโรปตะวันตก/อังกฤษ–อเมริกาเหนือและเม็กซิโก” ยกระดับผู้ประกอบการไทยสู่มืออาชีพระดับสากลในยุคการค้าใหม่ ขับเคลื่อนการส่งออกและเศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืน

นางภาวินี รวยรื่น ผู้อำนวยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ หรือ สถาบัน NEA กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2566 สถาบัน NEA ได้ต่อยอดจัดงานเสวนาออนไลน์ NEA BizTalk : ก้าวทันการค้าโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งเน้นผลักดันการส่งออกไทย ด้วยการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เป็นนักธุรกิจมืออาชีพระดับสากล และสร้างโอกาสในยุคการค้าใหม่ จำนวน 6 กลุ่มตลาดเป้าหมาย ได้แก่ ตลาดออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ ตลาดแอฟริกา ตลาดรัสเซีย ตลาดยุโรปกลาง ตลาดยุโรปตะวันตก/อังกฤษ และ ตลาดอเมริกาเหนือและเม็กซิโก โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมาให้ข้อมูลแบบวิเคราะห์เจาะลึก ตั้งแต่ เดือนมกราคม-เมษายน 2566 

โดยงานเสวนา NEA BizTalk : ก้าวทันการค้าโลก ในปี 2566 ได้กระแสตอบรับเกินเป้าหมายที่วางไว้ มีผู้เข้าร่วมสัมมนาผ่านระบบออนไลน์ (Zoom) รวมทั้งสิ้นกว่า 829 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานผ่านออนไลน์แพลตฟอร์มอื่นๆทั้ง Facebook และ YouTube ทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนที่สนใจได้รับทราบข้อมูลแบบวิเคราะห์เจาะลึก โดย ตลาดออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าที่หลากหลาย โดยเฉพาะสินค้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน สินค้าที่มีอัตลักษณ์ และสินค้าอาหาร ตลาดแอฟริกา เป็นตลาดที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 รองจากทวีปเอเชีย ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค ตลาดรัสเซีย เป็นตลาดที่มีแนวโน้มความต้องการสินค้าไทยเพิ่มขึ้น อาทิ อาหารสัตว์พรีเมียม รองเท้า เสื้อผ้ากีฬา และคอนเทนต์บันเทิง

ขณะที่ในส่วนของ ตลาดยุโรปกลาง ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า โดยสินค้าไทยที่มีโอกาสขยายตลาด อาทิ สินค้าวีแกน ออร์แกนิค ซอสปรุงรส ผลิตภัณฑ์จากข้าว น้ำผลไม้ และสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลาดยุโรปตะวันตก/อังกฤษ ผู้บริโภคมีความชื่นชอบและนิยมสินค้าแบรนด์ไทย โอกาสของสินค้าไทย อาทิ สินค้าอาหาร อาหารสัตว์เลี้ยง และสินค้าแฟชั่น และตลาดอเมริกาเหนือและเม็กซิโก เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีความต้องการสินค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ด้านอาหาร ผลไม้ไทย สินค้าสุขภาพ อัญมณีและเครื่องประดับ แฟชั่น เครื่องนุ่งห่ม และอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งโดยภาพรวมการบุกขยายการค้าใน 6 กลุ่มตลาดดังกล่าว ผู้ส่งออกต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพและมาตรฐานสินค้า ศึกษากฎระเบียบทางการค้า การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และเตรียมความพร้อม เพื่อตั้งรับ ปรับตัว หากลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อขยายโอกาสทางการค้า รวมถึงพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“การเสวนา NEA BizTalk : ก้าวทันการค้าโลก ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และภาคเอกชนที่มีประสบการณ์ตรงมาเป็นวิทยากร ในการเติมเต็มความรู้และข้อมูลเชิงลึกด้านการค้าในตลาดต่างประเทศให้กับผู้ประกอบการทุกกลุ่มสินค้าและบริการ ผู้ผลิต และผู้ส่งออกที่มีศักยภาพ เพื่อรักษาตลาดเดิม เพิ่มยอดการส่งออก ด้วยการผลักดันการส่งออกสินค้าตามเทรนด์ของตลาด รวมทั้งขยายฐานเจาะตลาดใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัว พัฒนาสินค้าและบริการได้ตรงกับความต้องการของตลาด ขับเคลื่อนการส่งออกและเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป” นางภาวินีกล่าว

สำหรับในปี 2565 ประเทศไทยส่งออกไป ตลาดออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ มีมูลค่ารวมประมาณ 11,853 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดแอฟริกา มูลค่า 6,062 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดรัสเซีย มูลค่า 536 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดยุโรปกลาง มูลค่า 2,257 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดยุโรปตะวันตก/อังกฤษ มูลค่า 26,073 ล้านเหรียญสหรัฐ และตลาดอเมริกาเหนือและเม็กซิโก มูลค่า 49,462 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการส่งออกของไทยไปยัง 6 ตลาดส่งออกดังกล่าว มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 96,243 ล้านเหรียญสหรัฐ