คดีการเสียชีวิตของ "น.ส.ศิริพร ขันวงษ์" หรือ "ก้อย" อายุ 32 ปี ท้าวแชร์สาวชาว จ.กาญจนบุรี ที่เป็นลมล้มหมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะกำลังเดินลงไปบริเวณศาลาท่าน้ำแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อเวลา 08.40 น. ของวันที่ 14 เม.ย.99 ที่ผ่านมา และเกือบจะกลายเป็นคดีการเสียชีวิตจากสาเหตุธรรมชาติ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม
แต่ใครเลยจะคาดคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ ได้กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญของคนทั้งประเทศในเวลาต่อมา!!
เมื่อ "นางทองพิน เกียรติชนะสิริ" อายุ 63 ปี และ"น.ส.นิภาวรรณ ขันวงษ์" อายุ 35 ปี มารดาและพี่สาวของ "น.ส.ศิริพร ขันวงษ์" หรือ "ก้อย" อายุ 32 ปี ท้าวแชร์สาวที่เสียชีวิตปริศนาในระหว่างไปทำบุญปล่อยปลากับเพื่อนที่ริมท่าน้ำ แม่น้ำแม่กลอง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง "พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช" ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้กับ "น.ส.ศิริพร" ผู้ตาย
โดยทั้ง 2 คน เชื่อว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม โดยมี "นางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์" หรือ"แอม" อดีตภรรยานายตำรวจระดับ "รองผูักำกับการ" ในพื้นที่ จ.ราชบุรี มีส่วนเกี่ยวพันกับการเสียชีวิตของ "ก้อย" ในครั้งนี้
ต่อมา แพทย์ได้ทำการผ่าพิสูจน์และเก็บตัวอย่างเลือดจากศพของท้าวแชร์สาว ไปตรวจอย่างละเอียด ซึ่งผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ออกอย่างเป็นทางการ อย่างน้อยคาดว่าอีก 1 สัปดาห์จึงจะทราบผล
ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลราชบุรี ได้ส่งตัวอย่างเลือดที่เก็บจากร่างผู้เสียชีวิต ตั้งแต่วันเกิดเหตุพร้อมผลชันสูตรของแพทย์ ส่งมาให้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
เบื้องต้นพบว่าในเลือดมี "สารกลุ่มไซยาไนด์" ซึ่งสารดังกล่าวไม่ได้เป็นสารที่ใช้ทางการแพทย์ และไม่ควรจะพบในคน เนื่องจากเป็นสารอันตรายต่อชีวิต การพบสารดังกล่าวยังไม่ได้ระบุว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใดหรือเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีใดยังไม่สามารถบ่งชี้ได้ ซึ่งทางโรงพยาบาลตำรวจ จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
หลังจากผลตรวจเลือดเบื้องต้น ชี้ไปที่สารกลุ่มไซยาไนด์ คือสาเหตุของการเสียชีวิตของ "ก้อย" ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้ลงพื้นที่สืบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุโดยรอบ ก่อนจะพบผู้เสียชีวิตเดินทางมาปล่อยปลากับผู้ต้องหา โดยทั้ง 2 คนได้ขับรถเก๋ง สีบรอนซ์เงิน มาจอดบริเวณริมน้ำศาลาประชาคม แล้วเดินลงจากรถคันดังกล่าว
จากนั้นผู้เสียชีวิตเดินถือถุงปลาจำนวน 2 ถุง เพื่อที่จะไปปล่อยปลาบริวณริมน้ำ บ้านโป่ง ส่วนผู้ต้องหาไปเข้าห้องน้ำ หลังจากผู้เสียชีวิตได้เดินลงไปบริเวณริมน้ำเพื่อปล่อยปลา ก็ได้หมดสติล้มลง กระทั่งผู้ต้องหาออกจากห้องน้ำมาพบ จึงตะโกนเรียกคนมาช่วย เมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วยแล้ว ผู้ต้องหาได้ขับรถคันดังกล่าวออกไปทันที ซึ่งจากการสืบสวนพบว่ามีเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกหลายกรณี
จนนำไปสู่การนำกำลังบุกเข้าจับกุม "นางสรารัตน์" หรือ"แอม" ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1285/2566 ลงวันที่ 25 เม.ย.66 ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” พร้อมของกลาง "ขวดไซยาไนด์" ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่า "แอม" มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ "ก้อย" โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กทม. เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา
แนวทางสืบสวนเจ้าหน้าที่เชื่อว่า "นางสรารัตน์" น่าจะเป็นผู้นำไซยาไนด์( Cyanide ) ซึ่งเป็นสารเคมีอันตราย ผสมใส่อาหารให้ผู้ตายรับประทาน เพื่อหวังลักทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ของผู้ตาย ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนยังกองบังคับการปราบปราม นานกว่า 6 ชั่วโมง จนถึงเวลา 21.00 น. ในวันเดียวกัน โดยผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้นำตัว "นางสรารัตน์" ไปควบคุมไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เนื่องจากไม่มีญาติมายื่นคำร้องและหลักทรัพย์ เพื่อขอประกันตัวแต่อย่างใด
จากการสืบสวนขยายผล ยังพบว่ามีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นคล้ายกันกับเหยื่ออีกหลายคนในพื้นที่ โดยเบื้องต้นในพื้นที่ภาค 7 พบมีเหตุเกิดขึ้นใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย สภ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี, สภ.โพธาราม และสภ.บ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี, สภ.ลูกแก จังหวัดกาญจนบุรี, สภ.เมืองนครปฐม สภ.สามพราน และสภ.ดอนตูม จังหวัดนครปฐม รวม 12 คดี เสียชีวิต 11 ราย และรอดชีวิต 1 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้มีการชันสูตรและฌาปนกิจศพไปเรียบร้อยแล้ว
-สำหรับ รายชื่อผู้เสียชีวิตปริศนาที่อาจเกี่ยวโยงกับ "แอม"ทั้ง 11 ราย มีดังนี้
1. น.ส.ดาริณี หรือฟ้า อายุ 34 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.63 ที่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 1 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม สาเหตุการตาย เกิดจาก กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ พบทรัพย์สินสูญหาย 60,000 บาท
2. นายสุรัตน์ อายุ 35 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ม.ค.64 ที่บ้านพัก ในพื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าไม้ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี สาเหตุการตาย เกิดจาก หลอดเลือดหัวใจตีบ พบเส้นทางการเงิน โอนเงินเข้าบัญชีของ นางแอม 60,000 บาท
3. ร.ต.อ.(หญิง) กานดา หรือผู้กองนุ้ย อายุ 36 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 บริเวณหน้าห้างโกลบอล จังหวัดนครปฐม สาเหตุการตาย เกิดจาก ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว โดยพบว่า ร่วมวงแชร์ 100,000 บาท กับแอม เมื่อ 4 ส.ค.65
4. นางรจรินทร์ หรือ เจ๊น้อยขายผัก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 ที่ตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร สาเหตุการตาย เกิดจาก เลือดเป็นกรด โดยพบว่า ร่วมวงแชร์ 100,000 บาท กับ แอม เมื่อ 4 ส.ค.65
5. นางจันทร์รัตน์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 ส.ค.65 ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี สาเหตุการตาย เกิดจาก ระบบโลหิตล้มเหลว โดยพบว่า ร่วมลงทุนปล่อยเงินกู้ 70,000 บาท และขายของในติ๊กต็อกกับแอม 20,000 บาท
6. นางมณีรัตน์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ย.65 ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครปฐม
7. น.ส.กะณิกา หรือ เอ๊ะ อายุ 44 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ก.ย.65 ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. บริเวณวงเวียนโพธาราม จ.ราชบุรี สาเหตุการตาย เกิดจาก เลือดออกในสมอง พบเงินในบัญชีธนาคารของผู้ตายถูกถอนออกไป 300,000 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง สร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำสูญหาย
8. น.ส.ผุสดี หรือครูอ๊อด อายุ 39 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 พ.ย.65 ที่บ้านพักใน ต.ลำบัว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม สาเหตุการตาย เกิดจาก มะเร็งเม็ดเลือด พบว่าร่วมวงแชร์ 100,000 บาท กับ แอม เมื่อ 4 ส.ค.65
9. นายสุทธิศักดิ์ หรือแด้ อายุ 35 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.66 ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี สาเหตุการตาย เกิดจาก หัวใจเต้นผิดจังหวะ พบว่าสร้อยคอทองคำ, สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวม 8 บาท พระเครื่องมูลค่า 100,000 บาท พร้อมเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง สูญหายหลังเสียชีวิต
10. พ.ต.ต.(หญิง) นิภา อายุ 38 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 เม.ย.66 เกิดเหตุที่บ้านพัก ถนนเทศา ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม สาเหตุการตาย เกิดจาก ระบบไหลเวียนโลหิตและการหายใจล้มเหลว พบเงินสด 10,000 บาท สูญหาย และเงินจากบัญชีธนาคารที่ถูกถอนออกไป 140,000 บาท
11. น.ส.ศิริพร หรือก้อย อายุ 33 ปี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย.66 ที่ท่าน้ำบ้านโป่ง ต.บ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี สาเหตุการตาย เกิดจาก หัวใจล้มเหลว โดยทรัพย์สินสูญหายเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม 1 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และเงินสด 50,000 บาท
ทว่า ที่น่าสนใจคือ ยังมีผู้รอดชีวิต 1 ราย คือ "นางกานติมา" (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ภรรยารองผู้กำกับ ตชด.ในจังหวัดกาญจนบุรี ให้การว่า ในวันเกิดเหตุ "แอม" โทรศัพท์มาชักชวนตนเอง ให้ไปรับประทานอาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในจังหวัดราชบุรี ตนเอง มีอาการไอและหอบเหนื่อย "แอม" จึงส่งยามาให้ อ้างว่าเป็นยาสมุนไพรต้านโควิดให้ตนเองกิน
ต่อมา ตนเองก็ มีอาการแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออก มือชา จึงโทรศัพท์ไปหา "แอม" ให้มาช่วย แต่ "แอม"บอกว่าตอนนั้นหลงทางอยู่ไม่สามารถที่จะมาช่วยได้ ตนเองจึงโทรศัพท์ไปที่สายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งรถฉุกเฉินได้มารับด้วยความรวดเร็ว ตนเองจึงได้ลงจากรถ และขึ้นรถฉุกเฉิน หลังจากนั้นก็สลบไป และหัวใจหยุดเต้นทันที
"เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้ทำการ CPR จนสามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้งได้ ณ เวลานั้น ยอมรับว่ารู้สึกลังเลเพราะไม่คิดว่า แอม จะกล้าวางยา เพราะความเป็นเพื่อน จึงคิดไปว่า ตัวเองน่าจะแพ้ตัวยาตัวใดตัวหนึ่งในยาแก้ไอ ซึ่งเป็นยาสมุนไพรที่ แอมให้รับประทาน ยอมรับว่าหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ร่างกายของตนเองตอนนี้ไม่เหมือนเดิม แต่หลังจากคดีของนางสาวก้อย เป็นข่าวขึ้นมา และพฤติการณ์เหมือนกับกรณีของตนเอง จึงทำให้ค่อนข้างเชื่อมั่นว่า น่าจะถูกแอมวางยา" เหยื่อรายนี้ระบุ
สำหรับประวัติ "แอม" ได้เลิกลากับสามี ซึ่งเป็นนายตำรวจยศ "รองผู้กำกับการ" เมื่อปี 2565 แต่ยังไปมาหาสู่กันเพราะมีบุตรร่วม 2 คน โดยก่อนแยกทางกัน "แอม" ไม่ได้ทำงานอะไรเป็นหลักแหล่ง แต่ก็มีเงินใช้ตลอด แม้อดีตสามีซึ่งเป็นรองผู้กำกับการก็ไม่ทราบว่าไปเอาเงินจากไหนมาใช้จ่าย โดยก่อนจะเลิกกัน"แอม" ให้อดีตสามีไปกู้เงินสวัสดิการ ถึง 2 ครั้งเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท เมื่อเลิกกันกลายเป็นภาระอดีตสามีต้องรับผิดชอบ
พฤติกรรมของคดี "แอม" มักจะอาศัยความเป็นภรรยาของนายตำรวจ ชักชวนผู้อื่นให้มาร่วมทำบุญ ชวนร่วมเล่นแชร์ เมื่อรู้ว่าเหยื่อรายไหนมีเงิน จะหาวิธีการต่างๆนาๆ หลอกล่อพามาก่อเหตุ ซึ่งทุกคดีที่เกิดขึ้นจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า "โทรศัพท์มือถือของเหยื่อ"จะหายไปทุกครั้ง
ภายหลังผู้ต้องหาไหวตัว รู้ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตามจับกุม ได้นำขวดบรรจุสารไซยาไนด์ที่ใช้ก่อเหตุแล้ว ว่าจ้างให้เยาวชนกลุ่มหนึ่งแถวบ้าน ด้วยเงิน 1 หมื่นบาท ให้ช่วยนำเอาไปฝังเพื่อทำลายหลักฐาน แต่หลังมีข่าวดังขึ้นมา ทำให้พยานกลุ่มนี้ไม่กล้านำเอาไปทำลาย ก่อนกลายมาเป็นหลักฐานสำคัญใช้มัดตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตามจากกรณีนี้ ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศตรวจสอบคดีการเสียชีวิตปริศนาในลักษณะเดียวกันนี้ทั่วประเทศ
จากคดี "ฆาตกรรมต่อเนื่อง" ที่เกิดขึ้นอย่างเหี้ยมโหดโดยคาดว่าเกิดจากน้ำมือของ "นางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์" หรือ"แอม" จนสื่อมวลชนให้ฉายาว่า "แอมไซยาไนด์" คงต้องติดตามกันต่อว่า จากการสืบสวนขยายผลจะพบเหยื่อเพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามขอภาวนาว่าให้จบลงแค่11 ศพเท่านี้...?