จากกรณีมีเด็กหญิงชาวจีน วัย 6 ขวบ เป็นลมหมดสติหลังกิน "ไข่คนมะเขือเทศ" ยายยอมรับมะเขือเทศที่เอามาทำยังไม่สุก คือยังเป็นผลสีเขียวอยู่ ด้านแพทย์ชี้มะเขือเทศสีเขียวมีสารโซลานินอยู่มาก มีพิษหลายอย่างที่อันตรายทั้งต่อเด็กและผู้ใหญ่
ล่าสุด อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เกี่ยวกับกรณีดดังกล่าว ผ่านเพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ระบุว่า...
"เด็กหญิงชาวจีนวัย 6 ขวบ มีอาการผิดปกติหลายอย่างหลังทานอาหารกลางวัน ทั้งครอบครัวรู้สึกสับสน หวาดกลัว และไม่เข้าใจว่าทำไมลูกของพวกเขาถึงมีอาการอย่างฉับพลัน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังกินมีความสุข ก่อนที่เด็กจะอาเจียนแล้วสลบไปในที่สุด ครอบครัวตื่นตระหนกและรีบพาไปโรงพยาบาล โชคดีที่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการจึงค่อยๆ ทรงตัวและถูกย้ายไปที่ห้องพักเพื่อสังเกตอาการต่อไป
โดยครอบครัวของเด็กเล่าให้แพทย์ฟังว่า เมื่อตอนเที่ยงลูกของพวกเขากินข้าวกับไข่คนและมะเขือเทศที่ยายของเธอเตรียมไว้ให้ ลูกชอบและเจริญอาหารมาก พร้อมยืนยันว่าไข่กวนเป็นเมนูที่ลูกชอบทาน และคุณยายมักจะทำให้ทานแทบทุกวัน แต่ที่ไม่เคยมีอาการผิดปกติแบบนี้เลย
เมื่อถามอย่างละเอียดถึงที่มาของไข่และมะเขือเทศรวมถึงสภาพของอาหาร คุณยายบอกว่า ไข่ยังสดแน่นอน แต่ปัญหาอาจจะอยู่ที่มะเขือเทศ เนื่องจากมะเขือเทศสุกในบ้านหมดแล้ว เธอจึงไปที่สวนเพื่อเก็บมะเขือเทศที่ "ยังไม่สุก" เต็มที่ สังเกตได้จากผิวที่ยังเป็น "สีเขียว" อยู่ เมื่อได้ยินคำบอกเล่าของคุณยายหมอก็เข้าใจถึงสาเหตุทันที
ตามที่แพทย์บอก มะเขือเทศสุกเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีสารอาหารมากมาย อย่างไรก็ตาม การกินมากเกินไปก็ไม่ดี โดยเฉพาะกับระบบย่อยอาหารของเด็กเล็ก นอกจากนี้ กุญแจสำคัญอยู่ที่มะเขือเทศที่ยังเขียวอยู่ที่คุณยายนำมาปรุงให้หลานกิน เพราะมะเขือเทศสีเขียวมีสาร "โซลานิน" อยู่มาก ซึ่งทำให้ระบบทางเดินอาหารระคายเคือง คลื่นไส้ และหายใจลำบาก มีพิษหลายอย่างที่อันตรายทั้งต่อเด็กและผู้ใหญ่ อีกทั้งโซลานินยังสามารถทำให้ระบบประสาทส่วนกลางเป็นอัมพาต ปวดท้อง และเสียชีวิตได้
ดังนั้นแพทย์จึงแนะนำครอบครัวและผู้ปกครอง ว่าควรปรุงอาหารให้เด็กๆ อย่างระมัดระวังโดยเฉพาะเด็กเล็กต้องใช้มะเขือเทศสุก เพื่อหลีกเลี่ยงสารโซลานินที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของทารก"
ดังนั้น ประเด็นจริงๆ ของเรื่องก็คือ การเตือนให้รู้ว่า มะเขือเทศ tomato เองนั้น แม้จะเป็นพืชที่เราเพาะปลูกคัดพันธุ์กันมาเพื่อการบริโภคได้ปลอดภัย แต่ก็อยู่ในกลุ่มของพืชวงศ์ Solanaceae ที่สามารถสร้างสารพิษได้ในบางช่วงเวลา ไม่ต่างอะไรกับพืชอื่นที่เป็นญาติของมัน เช่น พริก มะเขือยาว มันฝรั่ง ซึ่งพิษส่วนใหญ่ที่พืชวงศ์นี้มี จะเป็นสาร solanine โซลานีน ซึ่งเป็นสารที่พืชใช้ปกป้องตัวมันเองจากแมลงและศัตรูพืชอื่นๆ
มะเขือเทศ ก็มีสารโซลานีนเช่นกัน และมักอยู่ในบริเวณที่เป็นสีเขียวของต้น ดังนั้น จึงไม่ควรที่จะกินผลเขียวๆ ใบ หรือก้านเขียวๆ ของต้นมะเขือเทศ แม้ว่ามันจะดูเหมือนกินได้ก็ตาม
นอกจากผลของมะเขือเทศที่ยังไม่สุกจะมีสาร โซลานีน แล้ว ยังมีสาร tomatine โทมาทีน ที่เป็นพิษเช่นกัน จึงไม่ควรกินผลมะเขือเทศดิบเข้าไปมากๆ
การนำเอามะเขือเทศที่ยังดิบอยู่ ไปปรุงให้สุก (แบบในข่าวจากประเทศจีนนั้น) ก็ไม่ได้จะทำให้มันอันตรายน้อยลง เพราะสารพิษ Tomatine และ solanine สามารถทนความร้อนได้สูงมาก และไม่เสียสภาพไประหว่างที่นำไปปรุงอาหาร ไม่ว่าจะด้วยการต้ม การอบ หรือการทอดย่าง
พิษจากสารโซลานีนนั้น จะทำให้เกิดอาการไม่สบายได้หลายอย่าง เช่น เป็นไข้ ปวดท้อง ท้องร่วงท้องเสีย อาเจียน อ่อนแรง และง่วงซึม
ที่แปลกดีคือ เมื่อผลมะเขือเทศสุกแล้ว เปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีแดงสีส้มแล้ว เจ้าสารพิษทั้งสองนั้นจะสลายตัวไป พร้อมกับการที่มะเขือเทศเริ่มมีรสหวานขึ้น เพื่อให้สัตว์ต่างๆ ในธรรมชาติมากินมันและพาเมล็ดกระจายแพร่พันธุ์ไปที่อื่่นๆ
จริงๆ ก็มีเมนูอาหารในบางประเทศที่นำเอามะเขือเทศดิบ มากินกัน เช่น ในยุโรปตอนใต้และอเมริกาใต้ โดยเอามะเขือเทศดิบสีเขียว มาดองไว้เป็นเครื่องเคียง กินกับอาหารในฤดูหนาว ซึ่งอาจจะเพราะกินเพียงปริมาณเล็กน้อย จึงไม่ได้อันตราย หรือไม่ก็ การดองไว้นานๆ อาจช่วยทำให้สารพิษค่อยๆ สลายตัวไปช้า ๆ
ส่วนมะเขือพันธุ์อื่นๆ ที่สุกแล้ว แต่ยังมีสีเขียวอยู่ ก็สามารถนำมาบริโภคได้ครับ .. อันนี้ เน้นแต่มะเขือเทศ หรือมะเขื่ออื่นพันธุ์ที่สุกแล้วเปลี่ยนเป็นสีแดงสีส้ม
ข้อมูลจาก https://www.farmzy.nl/en-gb/are-tomato-plants-poisonous
ป.ล. ใครสนใจข้อมูลเกี่ยวกับสารพิษทั้งสองตัวนี้ ในมะเขือเทศดิบ สามารถอ่านได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Solanine และ https://en.wikipedia.org/wiki/Tomatine