บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์( LEO) ประกาศผนึกกำลังบริษัท อภิศศิโฮลดิ้ง จำกัด ตัวแทนพันธมิตรประเทศจีน ร่วมลงทุนถือหุ้นในบริษัท LEO Sourcing & Supply Chain (LSSC) สัดส่วน 40% เพื่อร่วมพัฒนาธุรกิจในการจัดหาสินค้าประเภทผลไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทย ส่งออกไปยังประเทศจีน ฟากซีอีโอ “เกตติวิทย์  สิทธิสุนทรวงศ์” มั่นใจสามารถต่อยอดธุรกิจสร้างรายได้เพิ่ม ตั้งเป้ายอดขายจาก LSSC ในปี 66 แตะระดับ 300-400 ล้านบาท พร้อมจัดตั้งบริษัทย่อยในสิงคโปร์ รองรับธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศ ประเดิมให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) เผยมีลูกค้าจ่อเซ็นสัญญาแล้ว หวังช่วยผลักดัน อนาคตเติบโตแบบก้าวกระโดด 

นายเกตติวิทย์  สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO เปิดเผย เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 ที่ผ่านมาว่า LEO ได้ผนึกกำลังกับ บริษัท อภิศศิโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนของพันธมิตรในประเทศจีนให้เข้ามาถือหุ้นในบริษัท LEO Sourcing & Supply Chain (LSSC) ในสัดส่วน 40% เพื่อร่วมกันในการพัฒนาธุรกิจของทาง LSSC ในการจัดหาสินค้าประเภทผลไม้และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของไทย เพื่อส่งออกไปยังประเทศจีนให้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีเป้าหมายที่ผลักดันให้ยอดขายของ LSSC ในปี 2566 นี้ให้อยู่ในระดับ 300-400 ล้านบาท จากเดิมที่ทาง LSSC เคยคาดการณ์ในช่วงจัดตั้งบริษัทฯ ว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้เพียง 100 ล้านบาทภายใน 5 ปี 

โดยที่ผ่านมาทางพันธมิตรในประเทศจีนได้ทยอยแนะนำบริษัทผู้นำเข้าสินค้าประเภททุเรียน และมังคุดจากจีนมาให้ทาง LEO และมีการเซ็นสัญญาสั่งซื้อไปแล้ว มูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาท และยังจะมีลูกค้ารายอื่นๆทยอยเข้ามาเจรจาและสั่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง  พร้อมกันนี้ LEO ยังได้มีการจดทะเบียนบริษัท LEO  Global Logistics (Singapore) เพื่อดำเนินธุรกิจการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศและการให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ที่จะมีการเซ็นสัญญากับลูกค้ารายหนึ่งภายในเดือนพฤษภาคม 2566 นี้ ซึ่งธุรกิจใหม่นี้จะเริ่มต้นด้วยการให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) และมีมูลค่าของสัญญาภายใน 3 ปีประมาณ 100 ล้านบาท โดยคาดว่าบริษัทฯ ที่จดทะเบียนในประเทศ สิงคโปร์ จะสามารถสร้างรายได้จากธุรกิจการให้เช่าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 1-2 เท่าตัวภายใน 2-3 ปีข้างหน้า และยังมีโอกาสในการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศได้อีกมหาศาล     

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะยื่นขอการส่งเสริมการลงทุนธุรกิจจากทางรัฐบาลสิงค์โปร์ที่มีระบบ Tax Incentive Scheme ภายใต้ MSI - Shipping-related Support Services (MSI-SSS) Award ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับผู้ที่ลงทุนในด้าน Shipping related Support Services หลายประเภท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวกับการลงทุน และการดำเนินธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ได้หลายรายการ  

“LEO มองเห็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอยู่เสมอ จึงมองหาพันธมิตร ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมาช่วยต่อยอดในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้ก็เป็นไปตามแผนงานในการพัฒนาธุรกิจ Non-Freight และ Non-Logistics ของทาง LEO ที่ได้มีการประกาศแผนงานและเป้าหมายของปี 2566 และยังมีโครงการธุรกิจใหม่ๆ อื่นๆ อีกหลายโครงการ ที่กำลังจะมีข้อสรุปและจะได้ทยอยเปิดตัวภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า รวมถึงแผนงานของการ M&A ที่มีอยู่หลายโครงการ และทางบริษัทฯ จะพยายามสรุปให้ได้ภายในไม่เกินไตรมาส 2/2566 อย่างน้อยอีก 1-2 โครงการ เพื่อให้ทางบริษัทสามารถบันทึกรายได้เข้าบริษัทฯภายในไตรมาส 3 ของปีนี้”