นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ.เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกพ.วันนี้(24 เม.ย.)มีมติปรับลดค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดใหม่สำหรับเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 ลง 7 สตางค์ต่อหน่วย จากมติเดิม 4.77 บาทต่อหน่วย เป็น 4.70 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือเป็นการลดลง 2 สตางค์ต่อหน่วย จากงวดปัจจุบันสำหรับเดือนมกราคม-เมษายน 2566 อยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย ตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เสนอ โดยไม่ต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง เนื่องจากสมมติฐานที่ใช้ในการคำนวณสูตรค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ไม่เปลี่ยนไปจากการพิจารณาก่อนหน้านี้ที่ กกพ.ได้เปิดให้สาธารณะชนแสดงความคิดเห็นไปแล้ว ซึ่งขั้นตอนต่อไป กกพ. จะทำหนังสือแจ้งไปยัง 3 การไฟฟ้า เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และยืนยันว่าจะทันงวดบิลเดือนพฤษภาคม 2566 แน่นอน
นายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ ในฐานะโฆษก กฟผ.กล่าวว่า กฟผ.ได้เสนอเงื่อนไขขอรับภาระยืดหนี้การชำระค่าไฟฟ้า วงเงินประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ที่รับภาระแทนประชาชนไปก่อนจาก 2 ปี แบ่งเป็น 7 งวด เป็นเวลา 2 ปี 4 เดือน คาดว่าจะครบกำหนดชำระประมาณเดือนสิงหาคม 2568