ภายหลังที่ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมติดตามการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เพื่อให้กำลังใจและแนะนำดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ แก่เจ้าหน้าที่สหกรณ์และสมาชิก เพื่อให้ใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์การตลาดที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เต็มศักยภาพก่อนจะเดินทางไปเยี่ยมแปลงปลูกเมล่อนของนายสาธิต กระฉอกนอก สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด ณ บ้านเลขที่ 89 หมู่ 1 ตำบลหนองแวงโสกพระ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เพื่อดูความสำเร็จจากการดำเนินงานตามนโยบายของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่มุ่งสนับสนุนให้สหกรณ์ส่งเสริมการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ และช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินให้กับสมาชิกสหกรณ์
นางสาวณัฐชา เลาหะวณิช รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มจัดตั้งและส่งเสริมสหกรณ์ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงการลงพื้นที่จ.ขอนแก่นของนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ในครั้งนี้ว่า เพื่อมอบนโยบายแก่เจ้าหน้าที่ในการติดตามงานโครงการต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร และกองทุนพัฒนาสหกรณ์ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
“ท่านอธิบดีฯได้เน้นย้ำว่าการพัฒนาแหล่งน้ำ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่สุดในการทำเกษตร ถ้าตัวสมาชิกสหกรณ์ มีแหล่งน้ำแล้ว ก็จะสามารถทำการเกษตรในสิ่งที่เขาอยากทำได้ และควรส่งเสริมให้ปลูกพืชที่หลากหลาย ทำเกษตรแบบผสมผสาน แทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพราะจะเป็นทางรอดและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร ” นางสาวณัฐชาเผย และยอมรับว่าปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในจังหวัดขอนแก่นนั้นบางพื้นที่ก็มีปัญหาสภาพน้ำกร่อยทำการเกษตรไม่ได้ เช่นพื้นที่อำเภอหนองสองห้อง อำเภอพล อำเภอแวงน้อย เป็นต้น ส่วนพื้นที่อื่นไม่มีปัญหา ใช้น้ำได้ตามปกติ โดยเกษตรกร ในจังหวัดขอนแก่นส่วนใหญ่ มีอาชีพทำนา ปลูกอ้อย และปลูกมันสำปะหลัง
สำหรับสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด เป็นสหกรณ์ขนาดใหญ่พิเศษ ปัจจุบันมีสมาชิก 7,097 คน ทุนดำเนินงานมากกว่า 661 ล้านบาท ที่ผ่านมา กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้สนับสนุนเงินทุนจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ เพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมอาชีพและรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด ซึ่งสหกรณ์ได้ดำเนินการส่งเสริมอาชีพให้สมาชิก ผ่านโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เช่น โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค-กระบือ และโครงการส่งเสริมอาชีพการปลูกเมล่อน ซึ่งอยู่ระหว่างเริ่มดำเนินการ ปัจจุบันมีสมาชิกส่วนหนึ่งที่ปลูกแล้วกำลังจะนำผลผลิตออกจำหน่าย ซึ่งสหกรณ์จะขยายผลสู่สมาชิกรายอื่น ๆ ต่อไป นอกจากนี้ สหกรณ์ยังได้รับสนับสนุนงบประมาณในการสร้างปัจจัยพื้นฐานเพื่อรวบรวมและจัดเก็บข้าวเปลือกคุณภาพ ปี 2561 จำนวน 2,988,580 บาท ได้แก่ ฉาง ลานตาก เครื่องชั่งพร้อมโรงคลุม เป็นต้น
“สหกรณ์แห่งนี้เพิ่งส่งเสริมอาชีพสมาชิกอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อก่อนปล่อยสินเชื่ออย่างเดียว เพราะเขาคิดว่าทำธุรกิจแค่ปล่อยสินเชื่ออย่างเดียวไม่ต้องทำอะไร แล้วพอถึงจุด ๆ หนึ่งมันไปต่อไม่ได้ สมาชิกประสบปัญหาเรื่องรายได้ ไม่มีเงินชำระหนี้คืนสหกรณ์ กลายเป็นหนี้ค้าง สหกรณ์ก็เลยปรับบทบาทใหม่หันมามุ่งการส่งเสริมอาชีพแก่สมาชิก” นางสาวณัฐชาเผย โดยมองว่าเมล่อนน่าเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรสมาชิกสหกรณ์นี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผลผลิตมีคุณภาพสูงและมีตลาดรองรับแน่นอน โดยเฉพาะตลาดไทขณะนี้มีคำสั่งซื้อเข้ามา 15,000 กิโลกรัม ขณะที่ผลผลิตยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ
“ตอนนี้สมาชิกเขาอยากได้โรงเรือนเพิ่ม ถ้าไม่มีจะปลูกช่วงหน้าฝนไม่ได้ วันนั้นท่านอธิบดีเข้าไปดูที่แปลงเมล่อนของเกษตรกรก็พูดคุยกันในเรื่องนี้ด้วยจะช่วยทำโรงเรือนให้เขา เพื่อจะปลูกเมล่อนได้ตลอดทั้งปี ขณะนี้มีสมาชิกที่อยู่ใกล้เคียงหลายรายได้เห็นตัวอย่างก็ให้ความสนใจ บางรายเดิมเขาปลูกอินทผาลัมอยู่ก่อนแล้ว พอมาเห็นทางนี้ปลูกเมล่อน ก็สนใจ เพราะตลาดต้องการสูง ขณะที่ตัวสมาชิกเองก็มีที่ดินพร้อมอยู่แล้ว”
ขณะที่ นายสาธิต กระฉอกนอก สมาชิกสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด ซึ่งเป็น 1 ในเกษตรสมาชิกสหกรณ์ที่ปลูกเมล่อน หลังเริ่มต้นทดลองปลูกมาได้ 1 ครอบ บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษจากพื้นที่ทั้งหมด 80 ไร่ ปรากฎว่าได้ผลเกินคาดใช้ระยะเวลาปลูกตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเก็บเกี่ยวประมาณ 85 วัน สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ถึง 15,000 กิโลกรัมผลผลิตเกือบทั้งหมดส่งขายตลาดไท ราคาส่งกิโลกรัมละ 45 บาท ส่วนที่เหลือขายผ่านออนไลน์และวางขายหน้าสวน สามารถสร้างรายได้มากถึง 675,000 บาท เมื่อหักต้นทุนการผลิตแล้ว มีกำไรอยู่ที่ 454,000 บาท
“ตอนที่ท่านอธิบดีมาดู ผมก็เรียนท่านไปว่า อยากได้โรงเรือนเพิ่ม ท่านก็โอเคบอกอยากสนับสนุนเต็มที่ ท่านก็รับปากว่าจะให้ทางสหกรณ์ดำเนินการให้” นายสาธิตเผยถึงการสนทนากับอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ระหว่างนำคณะลงพื้นที่เยี่ยมแปลงปลูกเมล่อน
นายสาธิต เผยต่อว่า ขนาดโรงเรือนที่ต้องการ กว้าง 9 เมตร ยาว 80 เมตร ค่าใช้จ่ายตกหลังละ 3 แสนบาท สามารถปลูกเมล่อนได้ 1,500 ต้น เบื้องต้นอยากได้ 3 โรงเรือน เพื่อจะได้กำหนดรอบการปลูกให้สามารถเก็บเกี่ยวได้ เดือนละครั้ง แต่ตามแผนที่วางไว้อยากได้ 6 โรงเรือนเพื่อจะได้รอบการเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 15 วันครั้ง ซึ่งปัจจุบันมีเพียง 1 แปลงบนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ(ไม่มีโรงเรือน) ใช้ต้นพันธุ์ปลูกประมาณ 15,000 ต้น
“ตอนนี้เมล่อนชุดแรกเก็บหมดแล้ว ต้นเดือนหน้าจะลงอีกชุดเป็นพันธุ์ญี่ปุ่น เนื้อมีสีเขียวและสีเหลือง ใช้เวลาปลูก ไม่เกิน 3 เดือน หน้าฝนสิ่งที่กังวลคือโรคและแมลง โดยเฉพาะโรคเชื้อรา แต่ถ้ามีโรงเรือนเราสามารถควบคุมอากาศ โรคและแมลงได้ ผมใช้กว้าง 9 เมตร ยาว 80 เมตรต่อหลัง ราคาตกหลังละ 3 แสนบาท 1 โรงใช้ต้นพันธุ์ 1,500 ต้น อยากได้ 3 โรงก่อน ถ้า 3 โรงเก็บได้ เดือนละครั้ง ถ้า 6 โรงเก็บ 15 วันครั้ง” สมาชิกสหกรณ์คนเดิมเผย
ด้าน นายจำนงค์ บุญจันทร์ ผู้จัดการสหกรณ์สหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด กล่าวถึงการส่งเสริมอาชีพสมาชิก โดยผ่านโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งที่ผ่านมาสหกรณ์ได้สนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่สมาชิกในหลากหลายโครงการ มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการทำเกษตรผสมผสาน โครงการเลี้ยงโค-กระบือ โดยการพาสมาชิกไปอบรมให้ความรู้ และพาไปดูงานตามสถานที่ต่างๆ ล่าสุดสหกรณ์ก็ได้เตรียมเงินทุนไว้สำหรับสมาชิกที่สนใจปลูกเมล่อนไว้แล้ว เนื่องจากเห็นว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังไปได้ดีและมีตลาดรองรับชัดเจน
“พืชตัวอื่นยังไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เมล่อนมีตลาดชัดเจน ก่อนปลูกเราดูตลาดเป็นหลัก สมาชิกส่วนใหญ่ทำนาทำไร่ รายไหนสนใจเราจะขยายผลต่อไป อย่างรายคุณสาธิต เขาเป็นสมาชิกสหกรณ์มานาน ปกติเขามีอาชีพทำนาปลูกข้าวหอมมะลิอยู่แล้วก็ลองมาทดลองปลูกเมล่อนดู ปรากฏว่าได้ผลดีก็อยากขยายพื้นที่ปลูกเพิ่ม อยากได้โรงเรือนปลูกเพิ่ม เขาก็มาปรึกษากับทางสหกรณ์ สมาชิกรายอื่นก็เช่นกันถ้าสนใจปลูกเมล่อนหรืออยากทำอาชีพเสริมรายได้ก็เข้ามาคุยกับเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ได้ ส่วนเงินกู้อยู่ที่วัตถุประสงค์โครงการ ถ้าโครงการพิเศษอัตราดอกเบี้ยก็จะอยู่ที่ร้อยละ 3 หรือร้อยละ 7 ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของโครงการครับ” ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรเมืองพล จำกัด ย้ำทิ้งท้าย