จากกรณีประเด็นดราม่า "ไข่ต้ม" ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในขณะนี้ โดยมีจุดเริ่มต้นจากแบบเรียนพาที ระดับชั้น ป.5 ที่ตัวละครในหนังสือ ซึ่งยังอยู่ในวัยเด็ก ได้กินไข่ต้มครึ่งซีก เหยาะน้ำปลา แล้วรู้สึกซาบซึ้งอย่างมีความสุข ซึ่งได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการเป็นการโรแมนติไซส์ความยากจน ที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งยังก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในหลักโภชนาการในวัยเด็กนั้น
ต่อมา "นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์" ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปลูกชายของตัวเอง ขณะกินไข่ต้ม ว่า "ไข่ต้ม ลูกชายชอบกิน อร่อยดี มีประโยชน์ครับ" พร้อมแท็ก Saveไข่ต้ม , ไข่ต้มเป็นอาหารที่ไม่มีชนชั้น , อยู่อย่างพอเพียง
ล่าสุด "แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร" ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ขอแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวเช่นกัน โดยโพสต์ข้อความผ่านทางแฟนเพจว่า "ดิฉันเคยโตมาด้วยการกินไข่ต้ม 1 ลูก แบ่งกัน 3 คน ดิฉันจึงอยากบอกว่า การกินหลากหลายจำเป็นมากค่ะ และการขาดสารอาหารตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกเลย จบ"
"สยามรัฐออนไลน์" ขอนำเอาคุณประโยชน์ของเมนู "ไข่ต้ม" ซึ่งเป็นเมนูอาหารง่ายๆที่ใครก็สามารถทำรับประทานได้ ว่ามีสารอาหารอะไรบ้าง ดังนี้
"ไข่ต้ม" 1 ฟอง มีโปรตีน และวิตามิน แร่ธาตุต่าง ๆ ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง อุดมไปด้วยสารอาหารที่มากมายหลายชนิด ได้แก่ วิตามินเอ, โฟเลต, วิตามิน B5, วิตามินบี 12, วิตามิน B2, ฟอสฟอรัส, ซีลีเนียม นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยวิตามิน D, E, K, B6, แคลเซียม และสังกะสีในปริมาณที่เหมาะสมอีกด้วย
นอกจากนี้ ไข่ต้ม 1 ฟอง ยังให้พลังงานประมาณ 77 แคลอรี่เท่านั้น และมีโปรตีนสูงถึง 6 กรัมเลยทีเดียว แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อนำไปสร้างกล้ามเนื้อ
ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง โดยในไข่ต้ม 1 ฟอง จะมีปริมาณแคลเซียม 15.8% และฟอสฟอรัสที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 1 ใน 4 ของความต้องการในแต่ละวัน และมีวิตามินดี ที่ช่วยดูดซึมสารอาหาร อีกทั้ง ยังช่วยบำรุงเล็บ เส้นผมและเล็บอีกด้วย
ในส่วนสารอาหารกลุ่ม "คาโรทีนอยด์" ที่อยู่ในผักผลไม้ที่มีสีส้มหรือ"ไข่แดง" อย่างลูทีน และซีเซนทีน เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการเสริมสร้างจอประสาทตาของคนเรา ช่วยทำให้จอประสาทตาของเรามีความหนาแน่นขึ้น ป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระ และปกป้องจอประสาทตาของเราจากแสง UV หรือแสงสีฟ้าได้
อีกทั้ง "โคลีน" หรือวิตามินที่อยู่ในกลุ่มของวิตามินบี เป็นสารสำคัญต่อเซลล์สมอง เนื่องจากโคลีนที่อยู่ในไข่แดง เป็นส่วนประกอบเดียวกันกับที่อยู่ในเยื่อหุ้มสมอง และเซลล์หุ้มเยื่อประสาทของเรา แต่อย่างไรก็ตาม การไข่ต้ม พร้อมกับกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย และดูแลตัวเองดี ๆ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคทางสมอง อย่างโรคอัลไซเมอร์ได้
"ไข่ต้ม" ยังประกอบไปด้วยกรดไขมันหลายชนิด ทั้งไขมันอิ่มตัว ไขมันไม่อิ่มตัว ไอเมก้า 3 ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงหัวใจ และลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจได้ แต่มีผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น ส่วนคนที่มีโรคประจำตัว อย่างโรคเบาหวาน คอเรสเตอรอลในเลือดสูง อาจจะต้องจำกัดปริมาณในการกินไข่ต้ม 2-3 ต่อสัปดาห์ และช่วยควบคุมระดับคอเรสเตอรอลในเลือดด้วย
สำหรับการ "ต้มไข่" ให้ออกมาสวย ไข่แดงอยู่ตรงกลาง และที่สำคัญแกะง่าย มีวิธีทำดังนี้ ล้างไข่ไก่ให้สะอาด วางลงในหม้อที่จะใช้ต้ม เทน้ำเปล่าใส่ลงไป ให้ท่วมไข่พอประมาณ ใส่เกลือ หรือ น้ำส้มสายชูลงไป พร้อมเปิดไฟ และตั้งเวลา เพื่อให้ได้ไข่ต้มในระดับความสุกที่ต้องการ
* ต้มไข่ 2 นาที : ไข่ขาวทั้งใบยังไม่สุกดี หรือที่เราเรียกกันว่า “ไข่ลวก”
* ต้มไข่ 4 นาที : ไข่ขาวเริ่มสุกแล้ว กับไข่แดงยางมะตูม
* ต้มไข่ 6 นาที : ไข่ต้มเริ่มสุก ไข่แดงเป็นสีส้มๆ เกือบสุกแล้ว
* ต้มไข่ 8 นาที : ไข่ต้มสุกทั้งใบ แต่ไข่แดงยังมีสีส้มๆ อยู่บ้าง
* ต้มไข่ 10 นาที : ไข่ต้มสุกทั้งใบ
* ต้มไข่ 15 นาที : ไข่ต้มสุกมากๆ ทั้งใบ ไข่แดงเป็นสีเหลืองอ่อน