ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดแพร่ว่า ในพื้นที่อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เปอร์เซ็นต์ อาชีพหลักคือการทำสวนส้ม สวนทุเรียน สวนส้มโอ และสวนหน่อไม้เปาะซึ่งไม้ผลแต่ละชนิดให้ผลผลิตตามฤดูกาล สร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ที่หมู่ 7 ตำบลวังชิ้น อำเภอวังชิ้น จังหวัดแพร่ นายอุดม ไชยโย อายุ 58 ปี และนาง กัลมลี ไชยโย อายุ 57 ปี บ้านเลขที่ 23 หมู่ที่ 7 ต.วังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ สองสามีภรรยา ที่ยึดอาชีพในการทำการเกษตรแบบผสมผสาน บนพื้นที่ริมแม่น้ำยม พื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ปลูกหน่อไม้ไผ่เปาะกว่า 100 กอ โดยวิถีเกษตรพอเพียง
นายอุดม เปิดเผยว่า ปลูกหน่อไม้เปาะ มาได้ประมาณ 3 ปี แล้ว และ ให้หน่อทุกวัน วิธีการคือ ปลูกระยะห่างประมาณ 2 เมตร และบำรุงรักษาด้วยการใส่ปุ๋ยคอกไม่ได้ใช้ปุ๋ยอินทรี รดน้ำและรักษาความชุ่มชื่นของของกอไผ่ด้วยการนำฟางข้าว มาปิดบริเวณกอไผ่ ให้น้ำทุกวัน หน่อไม้เปาะ ออกหน่อให้เก็บทุกวัน ตลอดทั้งปี โดยเฉลี่ยแล้ว สามารถตัดหน่อไม้ได้วันละ 20-30 กิโลกรัม และมีพ่อค้าแม่ค้ารับประจำทุกวัน ขายส่งในราคากิโลกรัมละ 30 บาท รายได้ต่อวัน 600-800 บาท และตัดขายได้ทุกวัน ยกเว้นฤดูฝน ที่คนมักจะนิยมรับประทานหน่อไม้ป่า หน่อซาง หน่อไม้ไร่ ซึ่งก็มีเพียงฤดูฝนเท่านั้นที่ไม่ได้ตัดหน่อไม้ไผ่เปาะขาย ในช่วงดังกล่าวอยู่ประมาณ 1-2 เดือน ก็จะปล่อยให้หน่อไม้เปาะได้เจริญเติบโตเป็นลำไผ่ สูง ขยายพันธ์ในแต่ละกอและที่สำคัญ ยังสามารถขุดหน่อ เพาะใส่ถุงดำขาย หน่อละ 50 บาท ขณะนี้มียอดสั่งจองหน่อไผ่เปาะแล้วอยู่จำนวนหนึ่งที่ต้องทำส่งให้ลูกค้า ต้องรอให้ถึงฤดูฝน จึงจะสามารถทำได้
นอกจากนั้น ภายในสวนไผ่ ยังได้ปลูกแซมด้วยต้นทุเรียน ที่มีอายุ 2ปี แล้วในขณะนี้ ปลูกพริก พืชผักสวนครัว พริกขี้หนูจำนวน 100 กว่าต้น ที่เก็บขายส่งแม่ค้าที่มารับซื้อหน่อไม้ ทุกวันจะออกมาตัดหน่อไม้ตอนเช้ามืด เพื่อให้ทันส่งให้กับพ่อค้าแม่ค้าในตลาดขาประจำที่รับซื้อและนำไปขายต่อ สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวทุกวันโดยรายรับมากกว่ารายจ่าย ทำให้มีเงินเหลือเก็บ ถือเป็นวิถีชีวิตพอเพียงในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน