นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี และ นายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด ลงเรือสำรวจคลองบ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อบูรณาการทำงานร่วมกันในการป้องกันน้ำท่วมในฤดูน้ำหลาก ใน 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนนทบุรี โดยลงเรือจากประตูระบายน้ำคลองบ้านใหม่ ไปจนถึงประตูระบายน้ำบริเวณถนนติวานนท์ จ.นนทบุรี

 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เป็นการบูรณาการกันระหว่าง 3 จังหวัดคือ นนทบุรี ปทุมธานี และกทม. เนื่องจากบริเวณนี้เป็นจุดเปราะบางสำคัญที่จะช่วยให้ กทม.ไม่ให้น้ำท่วม คือ คลองเปรมประชากรที่นำน้ำจากเหนือลงใต้ หากน้ำมาเยอะกว่าจะผ่าน กทม.เพื่อออกไปทางบางซื่อเป็นระยะทางไกล หากตัดออกทางคลองบ้านใหม่ได้ก็จะดีมาก ส่วนอีกทางประตูคลองเปรมใต้ที่ดูดน้ำย้อนกลับไปที่คลองรังสิตเพื่อให้น้ำออกไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วยลดความเสี่ยงของ กทม.ได้ เนื่องจากพื้นที่คาบเกี่ยวกันหลายจังหวัด

  นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า เราไม่อยากให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนที่อยู่จังหวัดใกล้เคียงที่ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี เราจึงต้องหารือร่วมกันในการประสานความร่วมมือ จากที่ได้สำรวจพบว่ายังขาดเขื่อนป้อนกันน้ำโดยเฉพาะคลองบ้านใหม่ ในส่วนของ จ.นนทบุรี เขื่อนบางส่วนยังมีฟันหลอ ของ กทม.ก็ยังมีปัญหาอยู่ อาจจะต้องของบบูรณาการจากสำนักบริหารน้ำแห่งชาติ เพราะว่าไม่ใช่หน้าที่ของเทศบาลฯฝ่ายเดียว หรือปทุมธานีฝ่ายเดียว ต้องเป็นการบริหารจัดการน้ำเพื่อคนจำนวนมาก

 “เมื่อได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐมา จะทำให้งานรวดเร็วขึ้น เบื้องต้นจะต้องขุดลอกคลองก่อน เพื่อเพิ่มการไหลของน้ำ เราจึงต้องบูรณาการ การทำงานร่วมกัน เพราะว่าน้ำไม่รู้จักจังหวัด น้ำก็ไหลไปทั่ว มาปทุมธานี มานนทบุรี มา กทม. ดังนั้นความร่วมมือในระดับท้องถิ่นเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยแก้ปัญหา เพราะว่าท้องถิ่นจะรู้ปัญหาอย่างละเอียด ต้องขอบคุณ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานีและท่านนายกวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ดที่ได้ลงพื้นที่ร่วมกันวันนี้” นายชัชชาติ กล่าว

ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เมื่อท่านผู้ว่าฯ กทม.ลงมาดูพื้นที่พบว่าปัญหาน้ำเป็นปัญหาคาบเกี่ยวร่วมกัน ก่อนจะถึงฤดูน้ำหลากเรามาร่วมกันร่วมกับส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งชลประทาน กรมเจ้าท่า ต้องเตรียมการป้องกันไว้ก่อน

“ผมมองว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี กว่าหากปล่อยให้เหตุเกิดแล้วมาแก้ไข แต่ละจังหวัดต่างแก้ไขกันเองมันไม่ได้ ต้องรวมกันป้องกันเหตุ ผมเห็นด้วยและยินดีทุกอย่างแม้แต่น้ำจาก กทม. ย้อนกลับมา เรามีทางออกทั้งประตูน้ำปากคลองรังสิต เราย้อนกลับคลองเปรมเหนือก็ได้ เพื่อให้น้ำออกทางเชียงรากน้อยเชียงรากใหญ่ได้อีก ทางปทุมธานีมีความพร้อม” นายกอบจ.ปทุมธานี กล่าว

ส่วนนายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด กล่าวว่า อย่างที่ทางท่านผู้ว่าฯ กทม.และนายก อบจ.ปทุมธานีที่ได้กล่าวว่าหากเราได้ร่วมบูรณาการร่วมกัน ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่ดี เนื่องจากว่าทั้ง จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี และ กทม. เหมือนบ้านพี่เมืองน้อง ซึ่งคลองบ้านใหม่นี้สามารถช่วยแบ่งเบาเรื่องน้ำจากคลองเปรมประชากร เบาไปทางคลองรังสิตฯ หากตัดน้ำระบายออกคลองบ้านใหม่ได้ เพื่อลดระยะทางน้ำระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

 นายวิชัย กล่าวต่อว่า  ซึ่งเทศบาลนครปากเกร็ดมีประตูระบายน้ำหลัก อยู่ 3 ประตู 1.ปากคลองบ้านใหม่ที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา มีเครื่องสูบอยู่ 6 ตัว จะสามารถช่วยดึงน้ำได้ ส่วน 2.ประตูระบายบริเวณถนนติวานนท์ จะส่งน้ำมาที่คลองบ้านใหม่ และอีกส่วน 3.ประตูน้ำที่ติดกับคลองประปา ตรงคลองส่วย มีไซฟอนระบายน้ำมายังคลองบ้านใหม่ได้

 “นอกจากนี้เราได้เห็นแล้วว่าทั้ง 2 ฝั่ง โดยเฉพาะฝั่ง จ.ปทุมธานี ยังไม่มีเขื่อนริมคลอง ส่วนฝั่งปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้ดำเนินการสร้างเขื่อนไว้แล้วแต่ยังไม่เสร็จที่เดียวเพราะต้องใช้งบประมาณเยอะ บางส่วนยังเหลือฟันหลอเกือบ 2 กิโลเมตร หากสามารถบูรณาการร่วมกันได้ทำเขื่อนทั้ง 2 ฝั่ง ป้องกันน้ำท่วมพื้นที่อาศัยของประชาชน เมื่อ กทม.ผลักดันน้ำมาก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนทั้ง นนทบุรี และปทุมธานี” นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด กล่าว