"ไทย" พบ "โอไมครอนลูกผสม"XBB.1.16 แล้ว 8 ราย คาดแทนสายพันธุ์เดิมใน 2-3 เดือน ด้าน "หมอจุฬาฯ" ชี้โควิด XBB.1.16 มีสมรรถนะการแพร่สูง-ดื้อสุด เท่าที่มีสายพันธุ์ต่างๆ ระบาดมา ขณะยอดติดเชื้อโควิดในไทย รอบ 7 วัน พบติดเชื้อใหม่ขยับขึ้น 435 ราย ตาย 2 ราย
เมื่อวันที่ 17 เม.ย.66 ศูนยจีโนมทางการเพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยที่พบในประเทศไทย ระหว่าง 1 ก.พ. - 16 เม.ย. 66 ว่าพบโอไมครอนลูกผสม XBB.1.16 จำนวน 8 ราย และ 1 ใน 8 พบว่ามีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมเป็น XBB.1.16.1
ทั้งนี้ โอไมครอน-12 สายพันธุ์ ที่พบมากในประเทศไทย เรียงตามลำดับมีดังนี้ BN.1.3 จำนวน 68 ราย(22%), BN.1.2 จำนวน 59 ราย (19%), XBB.1.5 จำนวน 45 ราย (15%), XBB.1.9.2 จำนวน 22 ราย (7%),XBB.1.9.1 จำนวน 20 ราย (7%), BN.1.2.3 จำนวน 19 ราย (6%), CH.1.1 จำนวน 18 ราย (6%),BN.1.3.6 จำนวน 17 ราย (6%), BN.1.1 จำนวน 12 ราย (4%), EJ.2 จำนวน 9 ราย (3%), XBB.1.16 จำนวน 8 ราย (3%), และ BA.2.75 จำนวน 8 ราย (3%)
อย่างไรก็ตาม โอไมครอนลูกผสม XBB.1.16 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BN.1.3 ประมาณ 148% และเหนือกว่า XBB.1.5 ประมาณ 90% คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ BN1.3 และ XBB.1.5 ได้ภายใน 2-3 เดือนจากนี้
ด้าน นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" ระบุว่า สิ่งที่ควรระวังคือ ลักษณะอาการของ XBB.1.16 นั้นยังไม่แน่ชัดว่าแตกต่างไปจากสายพันธุ์เดิมมากน้อยเพียงใด ข่าวจากอินเดียที่ระบุว่ามีอาการไข้สูง และเยื่อบุตาอักเสบนั้น เป็นรายงานจากการสังเกตอาการในผู้ป่วยเด็ก อย่างไรก็ตาม เท่าที่สืบค้นดู ยังไม่เห็นรายงานวิชาการที่รวบรวมสถิติอาการเปรียบเทียบออกมาอย่างเป็นระบบ ที่แน่ๆ และมีหลักฐานเป็นรายงานวิชาการออกมาเผยแพร่แล้วคือ ผลพิสูจน์จากห้องปฏิบัติการ ที่ชี้ชัดว่า XBB.1.16 มีสมรรถนะการแพร่ที่สูงกว่า XBB.1 และ XBB.1.5 โดยที่สมรรถนะดื้อต่อภูมิคุ้มกันพอๆ กัน ซึ่งถือว่าตระกูลXBB.x นั้น ถือว่าดื้อสุดเท่าที่มีการระบาดของสายพันธุ์ต่างๆ มาหลายปี
นอกจากนี้ สถิติระบาดในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย สะท้อนชัดว่าติดกันเร็วและมาก โดยทำให้อัตราการตรวจพบผลบวกในผู้ที่มาตรวจนั้นสูงมากกว่าระลอกที่ผ่านมาด้วย (Cr : Weiland J) ข้อสรุปที่เราได้จากองค์ความรู้ตอนนี้คือมีโอกาสติดง่ายขึ้น มากขึ้น และพึงระวังเสมอว่า การติดแต่ละครั้งนั้นทำให้ป่วยได้ รุนแรงได้ ลงปอดได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อ Long COVID ด้วย
การป้องกันตัวสม่ำเสมอ จะช่วยลดเสี่ยงลงไปได้มาก ทำได้ด้วยตนเอง และเกิดประโยชน์ต่อทั้งตนเอง ครอบครัวและคนรอบข้างในสังคม ไม่ควรไปปรามาสว่าหวัดธรรมดา กระจอก ไม่กลัวกลัวอดตายมากกว่ากลัวไวรัส เพราะเป็นตรรกะวิบัติ การใช้ชีวิต ทำงาน เรียนเที่ยว อย่างมีสติ ป้องกันตัว ใส่ใจสุขภาพเป็นวิถีปฏิบัติที่ไม่ได้ยากลำบากอะไรเลยแต่กลับเกิดผลดีต่อตัวเราและทุกคน ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน จะได้ไม่ตกอยู่ในภาวะวิกฤติที่ต้องรำพึงรำพันว่า "ไม่น่าเลย.รู้งี้" โดยไม่สามารถนั่งไทม์แมชชีนกลับไปได้แม้จะอยากเพียงใด
ขณะที่ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 กรมประชาสัมพันธ์ รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 รายสัปดาห์ เกาะติดยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่9 - 15 เมษายน 2566 พบผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) จำนวน 435 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 62 ราย/วัน ผู้เสียชีวิต (รายสัปดาห์) จำนวน 2 ราย : เฉลี่ยรายวัน จำนวน 0 ราย/วัน ทั้งนี้พบยอดป่วยสะสม 5,483 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566) เสียชีวิตสะสม 273 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566)