วันที่ 17 เม.ย.66  ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก "Center for Medical Genomics" ระบุว่า  โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่พบในประเทศไทย ระหว่าง 1 ก.พ.-16 เม.ย. 2566

หน่วยงานไทยทั้งภาครัฐและเอกชนได้ช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมของโควิด-19 และอัปโหลดแชร์บนฐานข้อมูลโควิดโลก “จีเสส (GISAID)” จำนวนทั้งสิ้น 410 ตัวอย่างในช่วง 2 เดือนครึ่ง (1 ก.พ.-16 เม.ย. 2566) ที่ผ่านมา โดยมีโอมิครอน 12 สายพันธุ์ที่พบมากในประเทศไทยเรียงตามลำดับมีดังนี้

BN.1.3 68 ราย (22%)

BN.1.2 59 ราย (19%)

XBB.1.5 45 ราย (15%)

XBB.1.9.2 22 ราย (7%)

XBB.1.9.1 20 ราย (7%)

BN.1.2.3 19 ราย (6%)

CH.1.1 18 ราย (6%)

BN.1.3.6 17 ราย (6%)

BN.1.1 12 ราย (4%)

EJ.2 9 ราย (3%)

XBB.1.16 8 ราย (3%)

BA.2.75 8 ราย (3%)

โดยพบโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 จำนวน 8 ราย และหนึ่งในแปดพบว่ามีการกลายพันธุ์เพิ่มเติมเป็น XBB.1.16.1

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดี ได้ทำการวิเคราะห์จากรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมพบว่าโอมิครอนลูกผสม XBB.1.16 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เหนือกว่า BN.1.3 ประมาณ 148% และเหนือกว่า XBB.1.5 ประมาณ 90% คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ BN1.3 และ XBB.1.5 ได้ภายใน 2-3 เดือนจากนี้

 

 

ขอบคุณ เพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics