วันที่ 16 เมษายน 2566 เวลา 18.00 น. นายรังสรรค์ สุขชัยรังสรรค์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงพิจิตร กล่าวว่า ภายหลังการลงพื้นที่เพื่ออำนวยการงานด้านการจราจรร่วมกับตำรวจทางหลวงและตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร โดยได้ให้ข้อมูลว่าจังหวัดพิจิตรเป็นเส้นทางผ่านสู่ภาคเหนือ ซึ่งมีถนนทางหลวงหมายเลข 11 ตากฟ้า-เขาทราย-สากเหล็ก-วังทอง รวมระยะทาง 60 กม. ที่อยู่ในความดูแลของแขวงทางหลวงพิจิตร เป็นถนนที่อยู่ในช่วงสี่แยกวังงิ้ว-เขาทราย-สากเหล็ก และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจึงทำให้การสัญจรไปมาต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ส่วนทางหลวงหมายเลข 11 และทางหลวงหมายเลข117 ที่ผ่านพื้นที่ จังหวัดพิจิตร มีระยะทาง 63 กม. จาก พิษณุโลก-พิจิตร-นครสวรรค์ เป็นถนน 4 เลน ในช่วงวันที่ 10-13 เม.ย. 66 ที่ผ่านมามีรถนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางกลับบ้านผ่านจังหวัดพิจิตรขึ้นสู่ภาคเหนือ ซึ่งแขวงทางหลวงพิจิตร มีระบบการจัดเก็บข้อมูลด้วยกล้อง CCTV พบว่า มีรถจำนวนมากถึง 2 แสนกว่าคันที่ขึ้นสู่ภาคเหนือ
ดังนั้นในวันนี้ซึ่งหลายพื้นที่เลิกเล่นสงกรานต์แล้วรวมถึงทุกคนก็จะต้องกลับเข้าสู่วันทำงาน จึงทำให้บนทางหลวงหมายเลข 11 และ ทางหลวงหมายเลข 117 จึงมีรถที่มุ่งหน้าจากภาคเหนือขับล่องผ่านพิจิตรสู่ภาคกลางและมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้าไปจนถึงช่วงค่ำพบว่าบนทางหลวงทั้ง 2 เส้นทางมีจำนวนรถต่างๆ หนาแน่นรวมแล้วเกือบ 5 หมื่นคันต่างทยอยมุ่งหน้าสู่ภาคกลางและมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ทำให้การจราจรบนถนนทั้ง 2 เส้นทางเต็มทุกช่องจราจร แต่ก็ยังเคลื่อนตัวได้ดี อัตราความเร็วเฉลี่ยของรถสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยความเร็วประมาณ 40-60 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเมื่อถึงสัญญาณไฟแดงตามสี่แยกต่างๆ รถบนเส้นทางหลักเมื่อติดไฟแดง 1 ครั้ง ประมาณ 3-5 นาที รถก็จะติดเป็นขบวนยาวประมาณ 2-3 กม. ซึ่งก็ถือว่าเคลื่อนตัวได้ดี
ล่าสุดจากการบูรณาการการทำงานของแขวงทางหลวงพิจิตร-ตำรวจทางหลวง-ตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตรเชื่อมั่นว่าในช่วงวันที่ 16-18 เม.ย. 66 จะมีรถทุกชนิดประมาณ 2 แสนคัน มุ่งหน้าเข้าสู่ภาคกลางและกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางที่ผ่านจังหวัดพิจิตรได้อย่างราบรื่นและสะดวกปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ แขวงทางหลวงพิจิตรขอความร่วมมือผู้ใช้เส้นทางขับรถด้วยความระมัดระวัง และปฎิบัติตามกฎจราจร ตลอดจนมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง เพื่อร่วมกันลดอุบัติเหตุอีกด้วย