วันที่ 15 เม.ย.66 ที่บริเวณศาลพระหลักเมืองบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ นายสกล ไกรรณภูมิ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ นางอรพิน ไกรรณภูมิ ประธานชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ นำส่วนราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ พ่อค้า ประชาชน และพุทธศาสนิกชน กว่า 100 คน ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พระสงฆ์ 9 รูป และทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว  ในงานประเพณีสงกรานต์และสมโภชศาลพระหลักเมือง ประจำปี 2566 ซึ่งทางเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ได้ร่วมส่วนราชการ สถานศึกษา และชุมชน จัดขึ้นที่บริเวณวัดกลางพระอารามหลวง และศาลพระหลักเมืองบุรีรัมย์ 

เพื่อสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม ร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี ความสมาฉันท์ในครอบครัวและชุมชน และเป็นการปลูกจิตสำนึกความเป็นไทยโดยการร่วมทำกิจกรรมในเทศกาลสงกรานต์ร่วมกัน และเพื่อร่วมสมโภชศาลพระหลักเมือง ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์ โดยมี พระเทพปริยัตยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมอวยพรในเทศกาลสงกรานต์ ให้กับผู้ที่มาร่วมงาน เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ไทย 2566 โดยประธานสงฆ์ ประพรมน้ำพระพุทธมนต์แก่ประชาชน ผู้มาร่วมทำบุญตักบาตรด้วย

จากนั้น นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ประกอบพิธีไหว้สักการะศาลพระหลักเมือง และศาลปึงเถ่ากงม่า หลังจากนั้นก็มีพิธีประทับทรง บวงสรวงศาลพระหลักเมือง ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์ 

สำหรับ ศาลหลักเมืองจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสถานที่ที่ชาวบุรีรัมย์นับถือศรัทธา และเดินทางมากราบไหว้ในโอกาสต่างๆ เดิมเป็นเพียงอาคารไม้ขนาดเล็ก ต่อมาได้มีการรื้อและก่อสร้างขึ้นใหม่ในช่วงปี พ.ศ.2548-2550 โดยรูปแบบ สถาปัตยกรรมนั้นเป็นศิลปะขอมโบราณ เลียนแบบมาจากปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งคงความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นบุรีรัมย์ไว้อย่างชัดเจน

มีความเชื่อว่าบริเวณที่สร้างศาลหลักเมืองนี้เคยเป็นจุดที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ในขณะนั้น) ได้ใช้เป็นจุดพักรบ และยังเป็นจุดกำเนิดเมืองบุรีรัมย์ด้วย โดยพระองค์ทรงเห็นว่า บริเวณนี้เป็นทำเลที่เหมาะสม มีสระน้ำ มีต้นแปะขนาดใหญ่ จึงโปรดเกล้าฯให้ตั้งชื่อเมืองนี้ว่า “เมืองแปะ” ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองบุรีรัมย์ในสมัยต่อมา

อาคารศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ มีลักษณะเป็นองค์ปรางค์ มียอดทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นประดับกลีบขนุนและเทพประจำทิศ เพื่อปกป้องรักษาทิศต่างๆ องค์เรือนธาตุเป็นที่ประดิษฐานพระหลักเมืองชักมุมออกทั้ง 4 ด้าน อันหมายถึง การกระจายความเป็นหลักฐานความมั่นคงออกไปทั้ง 4 ทิศ

ส่วนยอดศาลพระหลักเมืองตกแต่งด้วยรูปดอกบัวเป็นสเตนกลาสประดับทอง เพื่อนำแสงเข้าสู่หลักเมือง ภายในตัวศาลได้ตั้งเสาหลักเมืองตรงกลางองค์ปรางค์ พร้อมกับอันเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระเสื้อเมือง เทพารักษ์ และพระทรงเมือง เพื่อมาปกปักษ์รักษา คุ้มครองให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข

เสาหลักเมืองบุรีรัมย์ มีอยู่ 2 ต้น โดยสร้างไว้ใกล้ชิตติดกัน มีข้อสันนิษฐานว่า เสาต้นที่ 1 (ต้นเอียง) เป็นเสาหลักเมืองที่ตั้งขึ้นเมื่อสร้างเมืองแปะ ส่วนเสาหลักเมืองต้นที่ 2 น่าจะเป็นเสาหลักเมืองที่ตั้งขึ้นเมื่อมีฐานะเป็นจังหวัดบุรีรัมย์ ด้านข้างศาลหลักเมือง ยังมีศาลเจ้าจีนที่ประดิษฐานรูปเหมือนเจ้าพ่อหลักเมืองเพื่อให้ชาวไทยเชื้อสายจีน ได้มากราบไหว้ในบริเวณเดียวกัน โดยด้านซ้ายมีองค์เทพเจ้าไฉ่ซึ่งเอียะซึ่งเป็นเทพเจ้าด้านเงินทองและโชคลาภ ส่วนด้านขวามีองค์เทพเจ้ากวนอูซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ การต่อสู้ แข่งขัน ชิงชัย

ศาลหลักเมืองที่งดงาม ซึ่งผสมผสานสถาปัตยกรรมและความเชื่อหลากหลายเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว และเป็นเอกลักษณ์แห่งนี้ จึงเป็นทั้งศูนย์รวมจิตใจและเป็นทั้งความภาคภูมิใจของชาวบุรีรัมย์ในขณะเดียวกัน