เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 เม.ย.66 พ.ต.ท.ประมาณ ปลาทอง สารวัตรเวร สภ.เมือง จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้ห้องประชุมอำเภอเมืองราชบุรี จึงประสานขอรถน้ำดับเพลิงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี เทศบาลเมืองราชบุรี อบต.ดอนตะโก และอบต.เจดีย์หัก รวม 4 หน่วยงานให้เข้าไปช่วยฉีดน้ำดับเพลิง ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชานุกูล ราชบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์
ในที่เกิดเหตุพบรถดับเพลิงจำนวน 10 คัน กำลังทำการฉีดน้ำดับเพลิงที่ลุกไหม้อยู่ภายในห้องประชุม ซึ่งมีวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ต้องระดมฉีดน้ำใช้เวลานานกว่า 10 นาที จึงสามารถควบคุมพลิงไว้ไม่ให้ลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ซึ่งเป็นห้องสำนักทะเบียนอำเภอที่เอาไว้ให้บริการประชาชนในทำเอกสารต่างๆ พร้อมทั้งทำการตัดกระแสไฟฟ้า ทำให้ประชาชนที่มาติดต่อราชการนั้นไม่สามารถมาใช้บริการได้ นอกจากนี้ยังต้องทำการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ เนื่องจากมีพื้นที่ที่ยังมีกลุ่มควันอยู่ จึงอาจจะทำให้ไฟติดขึ้นมาอีกรอบ
ต่อมานายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยนายอนุตร ปางพุฒิพงษ์ หัวหน้าสำนักงานจ.ราชบุรี นายสุธี เล้าสุบินประเสริฐ นายอำเภอเมืองราชบุรี และ พ.ต.ท.กฤษฎิ์ชัช โพธิ์ไพบูลย์ สวป.สภ.เมืองราชบุรี ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ พร้อมประสานให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.ราชบุรี ได้เข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้
โดยนายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจ.ราชบุรี กล่าวว่า ที่เกิดเหตุเป็นห้องประชุมของ อำเภอเมืองราชบุรี เบื้องต้นได้รับรายงานจาก นายอำเภอเมืองราชบุรีว่า ตอนเกิดเหตุได้มีกระแสไฟฟ้าตกภายในสำนักงานอำเภอเมืองหลายครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ของอำเภอก็มาพบว่ามีไฟลุกไหม้อยู่ภายในห้องประชุม ซึ่งขณะนั้นไม่ได้มีการใช้ห้องประชุมดังกล่าวด้วย
เบื้องต้นได้ให้ทาง ปภ.จังหวัด สั่งให้กันพื้นที่เป็นเขตอันตรายห้ามบุคคลเข้าออกเนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่ปลอดภัย เพราะโครงสร้างด้านในถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด และจะให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเหตุที่แท้จริง และฝากอยากจะเตือนประชาชนว่า ในช่วงนี้อากาศร้อน และทุกบ้านก็จะใช้ไฟกันมาก จึงอาจจะเกิดเหตุไฟไหม้ได้ จึงขอให้ระมัดระวังลัตรวจตราสายไฟฟ้าภายในบ้าน และเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันเหตุเพลิงไหม้
