ผู้ถือหุ้นบางจากลงมติออกเสียงกว่า 99.9% ให้ซื้อเอสโซ่ มูลค่ากว่า 5.5 หมื่นล้าน คาดพร้อมจบดีลพร้อมชำระเงินได้ไม่เกินสิ้นปีนี้
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 ซึ่งจัดขึ้นในรูปแบบไฮบริด ณ ห้องประชุมใบไม้ อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ สำนักงานใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สำเร็จลุล่วงด้วยดี ที่ประชุมพิจารณาอนุมัติทุกวาระที่นำเสนอ
โดยมีวาระสำคัญคือ พิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO จากบริษัท ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd จำนวน 2,283,750,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 65.99% และทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นรายย่อย จํานวน 1,177,108,000 หุ้น หรือ 34.01% ของหุ้นสามัญที่ออกและจําหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ ESSO ในราคาเดียวกันกับราคาซื้อหุ้นสามัญ ESSO จาก ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd. ด้วยคะแนนเสียง 797,134,359 คะแนน หรือคิดเป็น 99.8583% ของจำนวนเสียงผู้ที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยบริษัทฯ จะดำเนินการตามกระบวนการต่าง ๆ ต่อไป คาดว่าธุรกรรมจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งหลังของปี 2566 ตามกรอบระยะเวลาที่วางไว้
“การเข้าทำธุรกรรมครั้งนี้ เมื่อแล้วเสร็จ จะเป็นการต่อยอดธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจากที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภค ชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยเมื่อเกิดการประหยัดต่อขนาด การลดต้นทุนทางธุรกรรม จะมีการส่งต่อผลประโยชน์ดังกล่าวให้กับผู้บริโภคดังที่เคยเป็นมาในช่วงน้ำมันราคาสูงเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นสถานีบริการที่เพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงแบรนด์บางจากได้ง่ายขึ้น ตลอดจนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะในการสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่าน ที่ให้ความเชื่อมั่นและสนับสนุนบางจากฯ อย่างดีในการลงทุนครั้งนี้ คณะกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานทุกคนยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและยั่งยืนต่อผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจทุกภาคส่วนต่อไป”
สำหรับในการประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติจัดสรรกำไรเพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 ในอัตรา 1.25 บาทต่อหุ้น จะรวมเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2565 ในอัตรา 2.25 บาทต่อหุ้น