นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดเผยว่า กกต. มีความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งปี 2566 โดยในปีนี้คาดว่าประชาชนกว่า 52 ล้านรายชื่อจะให้ความสนใจมากกว่าช่วงปี 2562เนื่องด้วยจำนวนผู้มีสิทธิที่มากขึ้น และการรณรงค์ให้คนไทยออกมาใช้สิทธิ และสิ่งที่ กกต.ให้ความสำคัญควบคู่กับการรณรงค์การใช้สิทธิเลือกตั้งในปีนี้คือมาตรการด้านความปลอดภัย และความโปร่งใส โดยขอให้เชื่อมั่นในการทำหน้าที่อย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ ทั้งนี้ นอกจาก กกต. แล้ว อีกหนึ่งหน่วยงานที่จะเป็นกำลังหลักในการปฏิบัติภารกิจพิเศษสำหรับการเลือกตั้งในปีนี้คือ “ไปรษณีย์ไทย” ที่จะทำหน้าที่ในการขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกราชอาณาจักร /ในประเทศ รวมถึงการขนส่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงการเลือกตั้ง โดยในส่วนของความปลอดภัยได้ประสานความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมดูแลบัตรเลือกตั้งตลอดการขนส่ง ซึ่งมีทั้งรถนำ รถปิดท้ายขบวน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ติดอาวุธและนอกเครื่องแบบที่จะติดตามอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ทุกคนเคยมีประสบการณ์ป้องกันเหตุด่วนเหตุร้าย นอกจากนี้ กกต.ยังได้มอบหมายให้ไปรษณีย์ไทยทำหน้าที่ขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้วทั้งหมดมาทำการคัดแยก ณ ศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนการรายงานข่าวสารผ่านสื่อ - เอกสารสำคัญให้กับครัวเรือนต่าง ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย นอกจานี้ กกต. ขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่จะทำวาระแห่งชาติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้ให้เป็นการเลือกตั้งของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ทั้งนี้เพื่อเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนคนไทยร่วมกันออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง กกต. ได้สร้างสรรค์บทเพลง “ประชาธิปไตยอยู่ในมือของเรา” ขับร้องโดย โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร เพื่อกระตุ้นเตือนให้คนไทยตระหนักถึงพลังของหนึ่งสิทธิ์ หนึ่งเสียงที่มีความสำคัญในระบอบประชาธิปไตย
นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กกต. กรมการกงสุล และไปรษณีย์ไทย ได้จัดส่งเครื่องมือ และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คูหาเลือกตั้ง สายรัดหีบบัตรเลือกตั้ง ไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกแล้ว ซึ่งขณะนี้ถือว่ามีความพร้อมอย่างมากในการอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยที่อยู่ต่างแดนที่มีความประสงค์ใช้สิทธิล่วงหน้านอกราชอาณาจักร สำหรับขั้นตอนต่อไปกรมการกงสุลจะเร่งให้เจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตไทย และสถานกงสุลในต่างประเทศประชาสัมพันธ์ถึงวันเวลา สถานที่ และช่องทางการใช้สิทธิ เนื่องจากสถานทูต / กงสุลแต่ละแห่งกำหนดไว้ไม่เหมือนกัน โดยนอกจากการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว กรมการกงสุลยังเข้มงวดเรื่องการส่งบัตรเลือกตั้งที่ทำเครื่องหมายหรือลงคะแนนเสียงแล้ว กลับมานับคะแนนที่ประเทศไทย โดยกำชับให้สถานทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ เร่งรัดและติดตามการส่งขนบัตรให้กลับมาถึงประเทศไทยภายในเวลาที่กำหนดเพื่อส่งต่อให้แก่ไปรษณีย์ไทยเข้าสู่กระบวนการขนส่งตามขั้นตอน เพื่อให้คะแนนเสียงของคนไทยทุกคนที่อยู่นอกราชอาณาจักร ถูกส่งกลับมานับคะแนนตามวัน เวลา ที่ กกต. กำหนดต่อไป
“กรมการกงสุลมั่นใจว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเป็นไปตามมาตรฐานและแนวทางที่ กกต.ได้วางเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในส่วนของบัตรเลือกตั้งที่หลังจากที่มีการลงคะแนนล่วงหน้าแล้ว มั่นใจว่าจะสามารถขนส่งกลับมาได้ทันเวลาเพื่อนำไปนับคะแนนได้ 100 % นอกจากนี้ กรมการกงสุลได้พัฒนาระบบติดตามการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ซึ่งสามารถตรวจสอบและติดตามสถานะการดำเนินงานของสถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลก และรายงานความเคลื่อนไหวได้แบบเรียลไทม์ นับเป็นการใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ สอดรับกับความเป็นสังคมดิจิทัลทัดเทียมกับนานาชาติ”
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยในฐานะหน่วยงานสื่อสารและขนส่งหลักแห่งชาติ พร้อมที่จะสนับสนุนการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ซึ่งในปีนี้จะมีภารกิจหลักในด้านการขนส่ง 5 ภารกิจ ได้แก่ 1.การจัดส่งหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (ส.ส. 1/6) และเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง 2.การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกตั้งทั่วไป 3.การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกราชอาณาจักรล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้ว 4.การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอก/ในเขตเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้ว และ 5.การจัดส่งและตอบกลับหนังสือแจ้งเจ้าบ้านที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง/ในเขตเลือกตั้ง
อีกทั้งได้มีการเตรียมความพร้อมด้านรถขนส่งที่จะใช้ขนส่งบัตรฯ – อุปกรณ์ต่าง ๆ ไปยัง 400 เขต จำนวน กว่า 500 เที่ยว การขนส่งมีความปลอดภัยด้วยระบบคุ้มกันความปลอดภัยจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติทุกเส้นทาง และใช้พื้นที่ไปรษณีย์ไทย สำนักงานใหญ่จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566” เพื่อใช้ในการตรวจนับและการจัดเก็บบัตรเลือกตั้ง รายงานผลการปฏิบัติงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีระบบ CCTV GPS และห้อง Control Room ที่สามารถติดตามการขนส่ง และตรวจสอบหากเกิดความผิดปกติได้ตลอด 24 ชั่วโมง
“เดือนเมษายนนี้ไปรษณีย์ไทยจะเริ่มจัดส่งหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (ส.ส.1/6) จำนวนกว่า 52 ล้านรายชื่อ และเอกสารแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งไปยังประชาชนกว่า 18 ล้านครัวเรือนภายใน 20 วันก่อนเลือกตั้ง พร้อมทั้งการจัดส่งบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรไปยัง 66 ประเทศ 94 เมืองปลายทางผ่านระบบขนส่งทางอากาศยาน ดำเนินการระหว่างวันที่ 14 – 15 เมษายน 2566 มีการขนส่งด้วยระบบภาคพื้นสำหรับการเลือกตั้งล่วงหน้าในประเทศครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด และหลังจากการเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วเสร็จ ระหว่างวันที่ 7 – 13 พฤษภาคม 2566 จะเร่งจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกเขตเลือกตั้ง/ในเขตเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้วไปยัง กกต. โดยระดมเจ้าหน้าที่กว่า 500 คน เพื่อคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ลงคะแนนแล้วตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ และใช้รถยนต์ขนส่งไม่ต่ำกว่า 500 เที่ยว”
นอกจากภารกิจการขนส่งบัตรเลือกตั้งแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังได้ใช้ความเชี่ยวชาญพร้อมทั้งฐานข้อมูลครัวเรือนเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมือง และ กกต. ได้ทำการสื่อสารนโยบาย หรือข้อมูลต่างๆ ส่งตรงไปยังกลุ่มเป้าหมาย ด้วยบริการไปรษณียภัณฑ์ไม่มีจ่าหน้า หรือ Advertising Mail ในรูปแบบแผ่นพับ ใบปลิวโดยสามารถระบุพื้นที่กลุ่มเป้าหมายได้ด้วยฐานข้อมูลครัวเรือนของไปรษณีย์ไทย ที่มีความเชี่ยวชาญ แม่นยำทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีอัตราค่าบริการเหมาจ่าย 1.50 บาทต่อชิ้นทั่วประเทศ พิกัดน้ำหนักไม่เกิน 50 กรัม โดยไม่กำหนดปริมาณงานขั้นต่ำ โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูล หรือใช้บริการได้ที่ไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ