PEA เลือกเมืองพัทยา จัดตั้งสถานีเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบพิกัดสูง ขนาด 360 kW แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุม
วันนี้ (11 เม.ย.) นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พร้อมด้วย นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีพี ออลล์ จํากัด (มหาชน) นายมาโนช หนองใหญ่ รองนายกเมืองพัทยา นายวิเชียร เฮงอุดมทรัพย์ ผู้จัดการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเมืองพัทยา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ร่วมเปิดการใช้งาน เครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าพิกัดสูง (EV Super Charge) ขนาด 360 kW ณ สถานี PEA VOLTA เซเว่น อีเลฟเว่น บาลีฮาย เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยมีพันธมิตรค่ายรถยนต์ไฟฟ้าแขกผู้มีเกียรติ และ สื่อมวลชน เข้าร่วม
นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า สถานี PEA VOLTA 7-11 บาลีฮาย ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งนี้เป็นสถานีที่มีเครื่องอัดประจุแบบพิกัดสูง หรือ Super Charge ขนาด 360 kW แห่งแรกของประเทศไทย และเป็นสถานีที่สามารถอัดประจุให้กับยานยนต์ไฟฟ้าได้รวดเร็วที่สุด ซึ่งก็เป็นการต่อยอด จากแนวความคิดที่ว่า “ครอบคลุมทั่วไทย ชาร์จมั่นใจทุกเส้นทาง” ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคพยายามสื่อสารและ ยึดถือเป็นแนวทางในการให้บริการสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด ทั้งนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคคาดว่าจะ สามารถให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นอีก 150 แห่ง รวมเป็น 313 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่การบริการที่มากขึ้น และนอกเหนือจากความมุ่งมั่นที่จะขยายบริการให้ครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่แล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคก็ยังมุ่งมั่นที่จะขยายบริการให้ตอบรับกับความต้องการที่มากขึ้น ของยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่มีสมรรถนะสูงและรองรับการอัดประจุไฟฟ้าด้วยพิกัด กำลังไฟฟ้าสูงทำให้ระยะเวลาชาร์จลดลง
สำหรับเครื่องอัดประจุแบบพิกัดสูง หรือ Super Charge ขนาด 360 W แห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีศักย ภาพของเมืองพัทยา ภายใต้ความร่วมมืออันดีของพันธมิตร ทั้งบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น, เซเว่น เดลิเวอรี่ และเมืองพัทยา ทั้งนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยังมีการพัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการที่ต้องการให้บริการอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า เช่น เครื่องอัดประจุ VOLTA DC25 และ Pupaplug ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการให้บริการได้อย่าง ครอบคลุม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเชื่อว่าการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบสนองการใช้งาน ที่หลากหลายเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการใช้งานยานยนต์ไฟฟ้า ที่มีการใช้พลังงานในการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของ กระทรวง มหาดไทยและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ด้านการพัฒนาเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ รวมถึงการพัฒนาและยกระดับการให้บริการเพื่อมุ่งสู่รัฐบาลดิจิทัล สอดคล้องกับกระแส Carbon Neutrality หรือความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยมีแนวทางเป็นเรื่องการ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้นทาง และการชดเชยคาร์บอนเครดิต อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน และสนับสนุน การใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุด คือ ประชาชนและประเทศชาติของเราต่อไป