บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) คว้างานโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน แบบ FiT พ.ศ. 2565–2573 ตามการออกประกาศรับซื้อไฟฟ้าของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในวันที่ 5 เม.ย.66 จำนวน 19 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 359.487 เมกะวัตต์ ซีอีโอ “จอมทรัพย์ โลจายะ” ย้ำมีความพร้อมทุกด้าน ทั้งประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการสร้างและบริหารโรงไฟฟ้า รวมทั้งแหล่งเงินทุน เตรียมรองรับไว้แล้ว พร้อมลุยได้ทันที
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ผ่านการพิจารณาเกณฑ์คัดเลือกเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)ในโครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff ปี 2565 – 2573 อย่างเป็นทางการในวันที่ 5 เมษายน 2566 โดยมีโครงการที่ผ่านการคัดเลือกจำนวน 19 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 359.487 เมกะวัตต์ คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายรวม 194.5 เมกะวัตต์
โดยโครงการที่ SUPER ได้รับการคัดเลือกประเภทเชื้อเพลิง ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งร่วมกับแบตเตอร์รี่ จำนวน 17 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 315.196 เมกะวัตต์,พลังงานลม จำนวน 1 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ และพลังงานจากขยะอุตสาหกรรม จำนวน 1 โครงการกำลังการผลิตติดตั้ง 4.291 เมกะวัตต์
"เราผ่านการคัดเลือกในครั้งนี้ เนื่องจาก SUPER เป็นบริษัทฯ ที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างและบริหารโครงการโรงไฟฟ้า และที่สำคัญกลุ่มบริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง โดยได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับการลงทุนดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะสามารถดำเนินงานตามแผนงานที่เสนอได้ทุกโครงการ"
สำหรับแหล่งเงินทุนที่มีการเตรียมพร้อมรองรับการลงทุนดังกล่าว จะมาจากเงินกู้สถาบันการเงิน ในส่วนของ Project Finance รวมทั้งยังมีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (SUPEREIF) ที่จะรองรับการใช้เงิน รวมถึงยังมีรายได้จากการการขายหุ้น 49% ของ SOLAR NT HOLDINGS PTE.LTD. (Solar NT) ให้กับ AC ENERGY VIETNAM INVESTMENTS PTE.LTD. (ACEV) มูลค่ากว่า 165 ล้านดอลลาร์ หรือ 6,000 ล้านบาท ที่ทยอยรับรู้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 2/66
นายจอมทรัพย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการขยายงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยบริษัทฯวางเป้าหมายปี 2566 รายได้ 10,000 -11,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน