ไม่ต้องง้อเสียงวุฒิสภา เสรีรวมไทยแนะ ตั้งรบ.3ขั้น -อนุทินพร้อม -นั่งเก้าอี้นายกฯ        

 อนุทิน ประกาศลั่นพร้อมนั่งนายกฯ หากได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มั่นใจ 14 พ.ค.ได้ส.ส.เลขสามหลักแน่ "เฉลิมชัย-นริศ"ร่วมยินดี 15 ปี"ภท." โชว์กอดสัมพันธ์แน่น ลั่นเป็นมหามิตร ด้านแกนนำพปชร.ขอจับมือภท.ชนะเลือกตั้งไปด้วยกัน  "สมชัย"เสนอจับมือตั้งรัฐบาล 3 ขั้น ไม่ต้องง้อเสียงส.ว.       ที่พรรคภูมิใจไทย เมื่อเวลา 08.05 น. วันที่ 6 เม.ย.66 ได้จัดงานทำบุญพรรคภูมิใจไทยก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 พร้อมทั้งเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหมดของพรรคทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า บรรดาแกนนำพรรคทยอยมากันอย่างต่อเนื่อง อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ,นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ,น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ,นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค รวมทั้งผู้สมัครส.ส.ของพรรค เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง     

  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแกนนำพรรคการเมืองที่เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีเป็นพรรคการเมืองแรกคือพรรคพลังประชารัฐ ที่เดินทางมาถึงพรรคภูมิใจไทยในเวลา 08.05 น. โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นำกระเช้าดอกไม้ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค มาร่วมแสดงความยินดี โดย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และนายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวแทนรับมอบ      โดย นายชัยวุฒิ กล่าวอวยพรขอให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง เราจะชนะไปด้วยกัน และหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกันต่อไป      ด้าน นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยครบ 15 ปี ทำงานให้กับประชาชนมาตลอด และครั้งนี้ได้ร่วมรัฐบาลถึง 4 ปี ซึ่งเราทำงานเพื่อประชาชนมาตลอด      

ส่วน นายสันติ กล่าวว่า เรื่องของการร่วมรัฐบาลในโอกาสต่อไปขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน แต่ด้วยความเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็มีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน และในเรื่องของนโยบายการทำงานเราก็ไปด้วยกันได้ เราไม่มีความขัดแย้ง ในครั้งหน้าเราก็พร้อมร่วมมือกับพรรคที่จะทำงานเพื่อประชาชน และที่ผ่านมาเราก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันมา ก็คงสามารถที่จะทำงานร่วมกันต่อไปได้  เมื่อถามว่า แสดงว่าทั้งสองพรรคจะอยู่ในรัฐบาลครั้งหน้าใช่หรือไม่ นายสันติและนายทรงศักดิ์ กล่าวพร้อมกันว่า มั่นใจ       

นายชัยวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ไม่มีอะไร เป็นงานมงคล ซึ่งตนมาเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐกับนายสันติ มาแสดงความยินดีและอวยพรให้กับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ด้วยกันมา 4 ปี ทำงานราบรื่นประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ถือได้ว่าเป็นพรรคที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ตนยืนยันว่าใจเรารักกันอยู่แล้ว เพราะเราร่วมงานกันมาไม่ได้ขัดแย้งกับใคร ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน พร้อมยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ขัดแย้งกับใคร เราก้าวข้ามความขัดแย้ง เราทำงานร่วมกับบุคคล ที่ตั้งใจมาทำประโยชน์ให้กับประชาชน       

ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการปล่อยเพลงหาเสียงเพลงใหม่ชื่อ "อนุทินเป็นนายกฯ " โดยมีเนื้อหาตอกย้ำว่า4 ปีที่ผ่านมานั้นมันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่พูดไปนั้นทำได้จริงทุกคำ ขอโอกาส เลือกจากประชาชน ให้พรรคภูมิใจไทย หากได้อนุทิน เป็นนายกฯ ประชาชนจะพ้นทุกข์ พ้นโศกมีความอยู่ดีกินดี ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง เพราะพรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทำ สื่อสารภาษาถิ่น ทั่วทุกภาค  ต่อมาเวลา 09.55 น. นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และนายนริศ ขำนุรักษ์ รมช. มหาดไทย อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ นำแจกันดอกไม้มาอวยพรพรรคภูมิใจไทย เนื่องในโอกาสก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล  รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ,นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ,นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย, นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต ส.ส.อุทัยธานี มาให้การต้อนรับ      

 ทันทีที่มาถึง นายอนุทินและนายศักดิ์สยามได้เข้าสวมกอดนายเฉลิมชัยเพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่าง 2 พรรคต่อหน้าสื่อมวลชน จากนั้นนายเฉลิมชัยได้ส่งมอบแจกันดอกไม้ให้นายอนุทิน พร้อมกล่าวอวยพรว่า "ขอให้ชนะการเลือกตั้ง" เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 พรรคเป็นอย่างไร นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เราเป็นพี่เป็นเพื่อนกันพรรคการเมือง นักการเมืองเราไม่ทะเลาะกับใครและที่เดินทางมาอวยพรวันนี้ ตนก็มาอวยพรให้ชนะการเลือกตั้ง       เมื่อถามว่า มาอวยพรให้ชนะการเลือกตั้ง จะชนะด้วยกันไปทั้ง 2 พรรค เพื่อก้าวเข้าสู่คณะรัฐมนตรี ไปด้วยกันใช่หรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เราก็ไม่ได้แข่งกัน แต่ละคนก็ต่างชนะในพื้นที่ของตัวเอง      

ด้าน นายอนุทิน กล่าวว่า ระดับผู้บริหารพรรคไม่มีปัญหา ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม เมื่อถามว่า ในการร่วมรัฐบาลครั้งหน้าทั้ง 2 พรรคยังเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายเฉลิม กล่าวว่า ดูตัวเลขก่อน เราเป็นมหามิตร (หัวเราะ) อยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ แล้วเราค่อยมาคุยกัน มันยังไม่สาย มีเวลาอีกนานมาก

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากเสร็จสิ้นพิธีทำบุญพรรคภูมิใจไทย นายอนุทินพร้อมแกนนำได้ร่วมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหมดของพรรคทั้งแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ จากนั้นร่วมถ่ายภาพกับว่าที่ผู้สมัครแต่ละภาค       โดย นายอนุทิน กล่าวบนเวทีว่า วันนี้ถือเป็นวันสถาปนาพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตรงกับวันมหามงคลของคนไทยทุกคน และเป็นวันที่พรรคภูมิใจไทยได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา ถือว่ามีความหมายต่อพรรคภูมิใจไทยและมวลหมู่สมาชิกทุกคน พรรคภูมิใจไทย ยึดมั่นในอุดมการณ์ ที่เป็นพรรคที่จะทำการเทิดทูนปกป้องสถาบันอันเป็นที่เคารพบูชาของพวกเราไว้ชั่วชีวิต ตั้งแต่วันแรกที่ได้สถาปนาพรรคนี้ขึ้นมา เราอยู่ในแนวทางนี้มาโดยตลอด เราจะเป็นเช่นนี้ตลอดไปตราบใดที่เรายังเป็นพรรคภูมิใจไทย เราจะดำรงอยู่เพื่อทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนคนไทย และประเทศไทยสมดั่งสโลแกนของพรรคว่าพูดแล้วทำ   

    นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้เลือกสีน้ำเงินเป็นสีประจำพรรค ซึ่งหมายความว่าเรามีความเทิดทูนในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแนบแน่นอยู่ในหัวใจของพวกเรา สีน้ำเงินคือสีที่หมายถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ปรากฏอยู่บนธงไตรรงค์ชาติไทยของเรา วันนี้คือวันที่ 6 เม.ย. พุทธศักราช 2566 ถือว่าเป็นวันที่มีความสำคัญมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นปีที่พรรคภูมิใจไทยจะต้องเข้าสู่สนามการเลือกตั้งด้วยกันทุกคน       นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่เรามาพบปะกันมอบธงกัน ขอให้ทุกคนตั้งใจลงพื้นที่พบปะประชาชน ไปนำเสนอนโยบายและสร้างความเข้าใจในนโยบายของพรรคต่อประชาชน ให้ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากการลงคะแนนให้กับพรรคและผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ขอให้ทุกคนได้ตั้งใจลงพื้นที่ทุ่มเทหัวใจ เคารพ ให้เกียรติประชาชนผู้ที่จะเป็นคนตัดสินใจอนาคตของพวกท่านและอนาคตของพรรคภูมิใจไทย    

  นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมายอย่างเคร่งครัด พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่มีเอกลักษณ์พิเศษ มีความเป็นระเบียบวินัยสูง มีความเป็นพวกพ้องเป็นหมู่คณะ เป็นครอบครัว เราปฏิบัติตัวเช่นนี้ตลอด ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ของสภาฯที่พึ่งหมดวาระ สิ่งที่เป็นที่ประจักษ์จากประชาชน เมื่อพูดถึงบทบาทของภูมิใจไทยต่อสภาผู้แทนราษฎรคือความสมัครสมานสามัคคีเป็นปึกแผ่น เป็นทิศทางเดียวกันทุกคน  

    นายอนุทิน ยังกล่าวต่อว่า อาจจะเห็นว่าอยู่ด้วยกันอาจจะเป็นปึกแผ่น ควรจะต้องไปในทิศทางเดียวกันอยู่แล้ว ตนยืนยันว่าไม่ใช่ เพราะทุกคนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่สิ่งที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยมีความเป็นเอกลักษณ์สูงสุดคือความเป็นปึกแผ่นความเป็นหนึ่งเดียว เพราะทุกคนถึงแม้ว่าจะมีเอกสิทธิ์ของความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่มีความตั้งใจทำงาน พรรคภูมิใจไทยตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ไม่มีแตกแถว รวมไปถึง 4 ปีที่ผ่านมา เราได้มีเวทีต่างๆในการอภิปรายต่างๆ รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทยหลายท่านรวมถึงตน ก็เคยถูกอภิปราย ไม่ไว้วางใจ ถือเป็นเกมการเมืองเพราะพรรคภูมิใจไทยได้คุมกระทรวงสำคัญ เป็นเหตุจำเป็นในทางการเมืองที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ       

จากการที่ตนไปลงพื้นที่หลายพื้นที่และจะใช้เวลาอีก 5 สัปดาห์ที่เหลือ ร่วมกับผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคเลขาธิการพรรค เราจะลงพื้นที่ใช้เวลาที่เหลือ 7 วันต่อสัปดาห์ หยุดอยู่ช่วงเวลาเดียวหยุดอยู่ช่วงเวลาเดียวเพียงช่วงเวลานอน ที่เหลือจะต้องมีการลงพื้นที่ไปพบปะกับผู้สมัคร พบปะกับประชาชนให้แสดงถึงความมั่นใจ ว่าผู้บริหารของภาคภูมิใจไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยทุกคนเพื่อที่หวังว่าท่านทั้งหลายจะได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนของพวกเขาให้มากที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้      นายอนุทิน กล่าวต่อว่า การที่ทุกคนมีความพร้อมเช่นนี้ผมมั่นใจว่าปีนี้ภาคภูมิใจไทยจะเติบโต 4 ปีที่ผ่านมาในพื้นที่ข่าวพรรคภูมิใจไทยครองเกือบ 100% แล้วไม่ใช่เป็นข่าวไม่ดี ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวที่ดีเป็นผลงานของพรรคภูมิใจไทย ที่ได้ทำให้กับบ้านเมือง ให้กับประชาชน รัฐมนตรีทั้ง 7 คนของพรรคภูมิใจไทยรวมไปถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และแกนนำของพรรคภูมิใจไทย ทุกคนล้วนแล้วแต่มุ่งมั่นทำงาน ให้พรรคนั้นมีชื่อเสียงทำให้ผลงานของพรรคการเป็นที่ประจักษ์ สมัครพรรคพวกหลายท่านทำตัดสินใจเข้ามาร่วมงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมจะทำให้ท่านทั้งหลายที่เพิ่งเดินเข้ามาร่วมกับพรรคภูมิใจไทยได้เห็นว่าที่นี่คือที่สุดท้ายของท่าน ท่านไม่ต้องไปไหนอยู่ตรงนี้อยู่ไปตลอด      นายอนุทิน กล่าวกับผู้สมัครต่อว่า พรรคภูมิใจไทยเราปลูกฝังให้สมาชิกของพรรคภูมิใจไทยทุกคนเคารพประชาชน ศรัทธาประชาชน และให้เกียรติประชาชน เป็นคนรับใช้ประชาชนคนไทยทุกคนซึ่งเป็นเกียรติที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรับใช้ของประชาชนคนไทย เป็นเกียรติประวัติอันสูงสุด  แล้วประชาชนจะให้ความเชื่อมั่นให้ความศรัทธาเลือกตั้งกี่ครั้ง ท่านก็จะเดินกลับเข้าสภาอย่างสง่าผ่าเผย    

  นายอนุทิน กล่าวว่า สัญญาณต่างๆก็ดูดีไปหมดแล้ว แม้การจับได้เบอร์ 7 ก็ตรงกับสิ่งที่พูดไว้ตลอดเวลาเหมือนกับหยั่งรู้ จากนี้เบอร์ 7 จะเป็นการตอกเสาเข็มดัง ตุ้มๆๆ ไม่ต้องแลนสไลด์ ไม่ต้องถล่มทลาย อย่ามีคำว่าทลาย อย่ามีคำว่าถล่ม มีแต่คำว่าตอกเสาเข็ม ทำให้มั่นคง ส่วนเลขของผู้สมัครจะเป็นเบอร์อะไรก็ตาม ซึ่งเท่าที่ตนทราบมาไม่เกินเบอร์ 20 โดยทุกเบอร์ถือว่าดีหมด ดังนั้นเวลาไปหาเสียง ก็ขอให้ย้ำว่าต้องเลือกทั้งคนทั้งพรรค      นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ในวันที่ไปจับเบอร์ ตนไปหาอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งยอมรับว่าตนมีความเครียดไม่อยากได้เบอร์ 2 หลัก ขอให้จับได้เบอร์หลักเดียว เบอร์อะไรก็ได้ อาจารย์คนนั้นบอกกับตนว่าอยากได้เบอร์อะไร ตนก็ตอบไปอยากได้เบอร์ 1 หากเบอร์ 1 ไม่ได้เบอร์อะไรก็ได้ขอให้เป็นเลขหลีกเดียว อาจารย์จึงตอบกลับว่า "มึงต้องได้เบอร์ 7 เท่านั้น" อาจารย์คนดังกล่าวตนไม่ขอบอกว่าเป็นใคร เดี๋ยวจะมีคนอื่นให้ไปช่วยพรรคอื่นอีก     

  อาจารย์ยังบอกอีกว่า วันที่ 14 พฤษภาคม หลัง 4-5 ทุ่ม ท่านบอกว่าเห็นเป็นเลข 3 หลัก แต่ตนไม่ขอบอกว่าเลข 3 หลักนั้นเป็นเลขเท่าไหร่เดี๋ยวพอพวกเรารู้ว่าก็ได้เป็นส.ส.แล้ว จะไม่ยอมลงพื้นที่  ตนเชื่อว่าเลข 3 หลักนั้นจะออกมาเป๊ะทุกประการ เพราะเลข 3 หลัก ที่อาจารย์บอกตน ตรงกับ 3 หลักที่ตนคำนวณเอาไว้      นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้มีคนบอกว่าวัคซีนโควิดไม่สำคัญเท่าโรคตากับโรคปอด พวกผมฉีดวัคซีนให้พวกท่านแล้ว กันโรคตาแหก กับโรคปอดแหก สมาชิกพรรคภูมิใจไทยต้องไม่ปอดแหกและตาแหก ต้องเป็นพรรคที่ตาโตตาใส และมีหัวใจที่มั่นคงแข็งแกร่ง ต่อสู้จนได้รับชัยชนะทุกคน เบอร์ 7 เขาบอกว่าสู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนคนไทยชนะไปด้วยกัน เราต้องสู้ให้ประชาชนได้รับชัยชนะทุกสิ่ง นี่คือภารกิจของสมาชิกพรรคทุกคน      

   "4 ปีที่ผ่านมา ท่านคิดว่ามีพรรคใดเติบโตเท่าพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เราเข้ามา 50 เราคิดว่าเราจะเติบโตครั้งนี้ในเลข 3 หลักเท่ากับว่าเราเติบโตเป็นเท่าตัว ผู้ที่จะทำให้สิ่งเหล่านั้นให้เกิดขึ้นได้นอกจากพวกเราแล้วก็คือประชาชน เราต้องไปหาประชาชนให้ประชาชนมั่นใจในตัวเรา และพรรค"      นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยประกาศเลยว่าจะไม่ยกตำแหน่งผู้นำให้ใครหากพรรคของเราได้มากที่สุด และพรรคเราคือพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และผู้ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทยคนนั้นจะเป็นนายกฯ       พร้อมเป็นนายกฯ ถ้าเชื่อมั่นกัน นายกฯที่เป็นทั้งส.ส. เป็นทั้งแคนดิเดตนายกฯ เป็นทั้งผู้แทนฯ  ไม่มีอะไรเพอร์เฟคเท่าพรรคภูมิใจไทยอีกแล้ว 

 ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สภาจะเข้มแข็ง ผลงานต่างๆจะออกมา กฎหมายต่างๆจะออกมาคุณภาพชีวิตของประชาชนจะดีขึ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยจะดีขึ้น สุขภาพของคนไทยจะดีขึ้น พรรคภูมิใจไทยจะแข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา      

นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึงเพลงใหม่ของพรรคภูมิใจไทย จะเป็นการตอกย้ำความมั่นใจ ชูอนุทินเป็นนายกฯหรือไม่ว่า ทำให้ประชาชนมีทางเลือก ซึ่งพรรคเป็นทางเลือกที่ตั้งใจทุ่มเททำงานให้กับประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย เตรียมเปิดเวทีปราศรัยในพื้นที่ที่พรรคภูมิใจไทยเข้มแข็ง นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีจังหวัดไหนไม่ต้อนรับ การที่พรรคการเมืองอื่นจะมาหาเสียงเรามองว่าเป็นการให้ข้อมูลประชาชนเพื่อตัดสินใจ       

ด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยประกาศปิดประตูไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า ก็เรื่องของเขา คนละนโยบายอยู่แล้ว บางพรรคก็อาจจะมีนโยบายอีกแบบหนึ่งแบ่งฝักแบ่งฝ่าย บางคนให้เกลียดชังกัน แต่เราอยากให้คนไทยรักและสามัคคีกัน มองคนละมุมแล้วแต่ประชาชนจะเลือก ชอบแบบไหนก็เลือกแบบนั้น  เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยเปิดนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ตนก็เพิ่งทราบ ขอศึกษานโยบายดังกล่าวก่อน      

 เมื่อถามว่า จะเป็นนโยบายที่ตอกย้ำเรื่องประชานิยมหรือไม่ นายชัยวุฒิ มองว่าทุกนโยบายจะต้องทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ  ส่วนคนจะชอบหรือไม่ชอบ จะสร้างผลกระทบกับสังคมอย่างไร จะคุ้มค่าหรือไม่ต้องศึกษากันต่อไป พร้อมขอให้ให้ฝ่ายวิชาการ และทีมเศรษฐกิจได้วิเคราะห์ก่อน      

 นายชัยวุฒิ กล่าวว่า เมื่อได้ยินคำว่า 10,000 บาทครั้งแรก รู้สึกคล้ายๆ เดิมๆที่เคยทำมา เพราะต้องให้ประโยชน์กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง อย่างในสมัยก่อนกองทุนหมู่บ้านละหนึ่งล้านบาท เป็นการเอาเงิน 1 ล้านบาท มาแบ่งกันในหมู่บ้าน มุกเดิม เพียงเปลี่ยนจาก 1 ล้านบาทเป็น 1 หมื่นบาท    

  วันเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า จับมือตั้งรัฐบาล 3 ขั้น ไม่ต้องง้อเสียง ส.ว. แม้พวกนักการเมืองทหารเก่านักรัฐประหารจะวางกับดักให้ตัวเองมีแต้มต่อ 250 ส.ว. ในการโหวตเลือกนายก ทำให้พรรคโลเลทั้งหลายต้องประเมินว่าต้องจับมือกับพปชร.หรือรทสช. จึงจะเป็นรัฐบาลได้     

 การจัดตั้งรัฐบาลจากพรรคฝั่งประชาธิปไตยจึงต้องแยกแยะและจับมือแบบมีจุดยืนที่ชัดเจนในการวางตัวให้ห่างเผด็จการทหาร สามัคคีในฝั่งตนเองให้มั่นคง เสรีรวมไทยจึงเสนอแผนการจัดตั้งรัฐบาล 3 ขั้น โดยใช้ตัวเลข ส.ส.300+ เป็นเกณฑ์ ไม่จำเป็นต้องจับมือพรรคการเมืองให้เกิน 375 เสียง เพื่อเอาชนะส.ว. แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด     

 ตะแกรงขั้นที่ 1 จับมือเพื่อไทย ก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ เพื่อชาติ ไทยสร้างไทย หากเกิน 300 เสียง จบ ปิดจ็อบ ไปโหวตในรัฐสภา ดูหน้าว่าจะมีส.ว.ช่วยอีก 75 เสียงหรือไม่ หากสภาผู้แทนเสียงข้างมากเด็ดขาดจับมือตั้งรัฐบาล ตะแกรงที่ 2 หากจับมือ 6 พรรคแรก ยังไม่ถึง 300 ให้เลือกพรรคร่วมรัฐบาลเดิม เพียงพรรคใดพรรคหนึ่ง ระหว่างภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ เพื่อให้เกิน 300 แล้ว ปิดจ็อบ เข้าไปโหวตนายกฯในรัฐสภา ตะแกรงที่ 3 หากบวกพรรคในตะแกรงที่สองยังได้ไม่เกิน 300 ให้เลือกระหว่าง พรรคที่ยังไม่ได้เลือกในขั้นที่สอง หรือพรรคเล็กอื่นๆ เพื่อให้เกิน 300 แล้วปิดจ็อบ เข้าไปโหวตในนายกฯในรัฐสภา     

 การเลือก ลุงป้อม พปชร. จะเป็นทางเลือกสุดท้ายของสุดท้าย หากรวม 3 ขั้นแล้วยังไม่ถึง 300+ ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ ด้วยสูตรนี้ พรรคของลุง 2 ลุง จะได้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านอย่างสมบูรณ์ เสียดายอย่างเดียว ไม่ได้ลุงทำมือเงอะงะเข้าไปทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภา