เขต 3 ฉะเชิงเทรา สนามร้อน สจ.เปี๊ยก ส่งมือขวาคนสนิทประกบชิด ชนลูกพ่อมดดำ งานนี้ส่อมีพลิกได้ เกิดการเปลี่ยนแปลงแย่งเก้าอี้จากตระกูลผู้มากบารมีระดับตำนาน มาเป็นฝั่งคนหนุ่มรุ่นใหม่ผู้มีหลักใหญ่คอยเป็นฐาน ทุ่มทุนหนุนส่ง “สจ.ธรรมชาติ พรมพิทักษ์” ให้เดินงาน ยอมสละทิ้งตำแหน่งประธานสภา (อบจ.) พร้อมก้าวเดินต่อขึ้นสู่ประตูการเมืองสนามใหญ่ สู้ศึกในการเลือกตั้งครั้งถัดไปให้ได้ผล สจ.เปี๊ยก เร่งเกมกางตำราหวังท้าชน มุ่งสร้าง ส.ส.ใหม่เพิ่มอีกคนแม้ต้องผจญนายเก่าแสนเศร้าใจ
ว่ากันด้วยการเตรียมพร้อม ที่เต็มล้อมไปด้วยกระแสแห่งการแข่งขัน ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ ที่มากลับกันเปลี่ยนไปของใครบางคน หลังมีกระแสเป็นข่าวมายาวนานและการเปิดตัวสะพัดที่แน่ชัดแล้วว่า นายสุชาติ ตันเจริญ “พ่อมดดำ” ได้ย้ายยักโยกตนจากคนพลังประชารัฐ กลับไปเข้าสังกัดซบพรรคเพื่อไทย ทั้งยังโยงใยตัวตนให้เป็นคนในลำดับต้นตามบัญชีรายชื่อพรรค ผู้มากระดับในชั้นชนที่ด้านบนคนหัวแถว
โดยส่ง “มดเล็ก” หรือ “ศักดิ์ชาย ตันเจริญ” ผู้เป็นบุตรชายให้ได้เดินตามแนว ลงสมัครรับเลือกตั้งไว้แล้วในนามพรรคเพื่อไทย ตามที่พ่ออ้างถูกลูกลากก่อนร่ำลาพากันไปด้วยใจหวัง ให้ช่วยปลุกปั้นเสริมส่งกันจนเป็นใหญ่ มุ่งปักธงเถลิงรอระเริงสู่ผู้มีชัย ในวันที่ได้เป็นผู้แทนสมดั่งใจไปสู่ในสภา แต่ทว่า สจ.เปี๊ยก นั้นยังมุ่งมั่นทำเกมเดินเคลมใหญ่ เหตุยังจำฝังคาในใจที่ใครเคยรักนอบน้อมภักดิ์ แต่มาหักหั่นแยกแตกสะบั้นกันลงได้
ทั้งอดีตนั้นเคยเดินเรียงเคียงข้างกาย เป็นฝีพายมือดีมีนานมา เรือส่งถึงขึ้นเป็นหนึ่งในนายใหญ่ ผู้กำชัยได้ทุกสนามไม่เคยยาก แม้ตกทุกข์เขินเดินลำบาก สจ.เปี๊ยก ยังพาข้ามฟากเข้าพรรคไทมีชัยงาม แต่มาวันนี้เมื่อถึงทีได้เป็นใหญ่ กาลเวลานั้นเปลี่ยนไปใจเหินห่าง ต่างคนต่างแยกกันเดินเมินคนละทาง คงต้องจองล้างหักกันสะบั้นใจ พร้อมส่งลูกน้องคนรองให้เป็นใหญ่ สจ.ธรรมชาติ นั่นไงในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ เร่งส่งตรงลงพื้นที่ไม่เคยขาด งานนี้คงไม่พลาดผงาดได้แน่ไม่แพ้กัน
อีกมุมนั้นมีกระแสว่าที่แท้ คือ “สุชาติ” ได้หมายมาดมุ่งมั่นปั้นบุตรชายให้เป็นใหญ่ ต่อคิวผู้เป็นพ่อไม่รออะไร ให้สืบทอดพื้นที่ไว้กันใครเข้ามาครอง ด้วยดีกรีนั้นมีมา 9 สมัย อย่าปล่อยให้ใครเข้ามายึดจับจองหมายปองได้ จึงส่ง “มดเล็ก” ผู้บุตรชาย ไว้เป็นตัวแทนกายยึดแน่นบนฐานคะแนนไว้แทนตน แม้บุตรชายจะได้ลงเป็นผู้สมัครรอรับเลือกเป็น ส.ส. แต่พลังชั้นเชิงเดิมนั้นถูกชักจนร่อยหรอ ทั้งหัวคะแนนน้อยใหญ่ทั้งหลายเริ่มหักงอ จนอาจเหลือไม่พอเพราะใช่ตัวพ่อเป็นผู้ประสงค์มาลงเอง
แต่หาก “ศักดิ์ชาย” ได้เป็น ส.ส. รวมทั้งผู้เป็นพ่อจะได้มากกว่าเกินจากสอง จึงถือเป็นเกมการเมืองขยับที่น่าจับตามอง เป็นการต่อรองส่งทายาทชั้น 2 ขึ้นสู่สภา หมากเกมนี้เดินทั้งทีมีระดับ คือ การสืบทอดขยับทายาทที่เหลือเหนือชั้นเชิงมากเกินกว่าสอง ทั้งตำแหน่งประธานสภาที่เฝ้าหมายจับจอง ทั้งตัวพ่อยังได้ขึ้นครองอยู่เหนือบัญชีดีกรีระดับ 8 ผู้นำลำดับแรกเมื่อเปิดประตูกลับคืนสู่พรรคเพื่อไทย
ส่วนด้าน สจ.เปี๊ยก นั้นหรือคือ “วรรณา รอดพิทักษ์” ผู้เคยจงรักภักดีนี้ถือมีมนต์ขลัง เขาเดินเกมขนาบแนบแบบแอบสู้เพราะรู้กำลัง ด้วยเชิงชั้นนั้นเคยเป็นกุนซือมือทำงานมานานกว่า 30 ปี จากอดีตแต่เก่าแก่เป็นผู้เก่งแก้ไม่แพ้ใครที่ไหนมาก่อน ไม่ว่างานจะใหญ่มากน้อยอย่างไรล้วนได้มาสมดั่งใจอย่างแน่นอน หากได้ย้อนทวนหวนกาลเวลานับได้ว่าเขานั้นมีราคาคือตัวจริง
หากจะเทียบถึงระดับ ส่องดูพลังในแนวรับนั้นยังมีอีกมิใช่ย่อย ทั้งผู้ใหญ่ไก่ (กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์) นายก อบจ.นั่นไงผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่น้อย เป็นผู้คอยจูงหัวเรือเอื้อบารมี ส่งคนลงพื้นที่เฝ้าประกบทำขนบแปรผันงบเป็นคะแนนมามากทั่วพื้นที่ นอกจากนี้ยังมี “สุชาติ ชมกลิ่น” ผู้ปั้นดินให้เป็นดาวฝีมือดีมาช่วยชักใยจูงอีกทีคงได้ดีมีชัยในศึกหนนี้ที่อาจเกิดมีการเปลี่ยนแปลง
แต่หากจะเทียบเปรียบบารมีที่มีมาแต่ก่อนเก่าในหนหลัง เมื่อดูพลังจากภายนอกนั้นต้องบอกว่า “ธรรมชาติ” น้องใหม่ยังเป็นรอง ส่วน “ตันเจริญ” แถวสองนั้นมองว่าเป็นใหญ่ แต่หากมองให้ลึกลงไปถึงข้างใน คงต้องบอกว่าแลนด์สไลด์ต่อไปคงไม่มี