บุรีรัมย์ เทศบาล​ มทบ.26​ ประ​มง  จิต​อาสา​ จับปลาออกจาก​ "สระน้ำศักดิ์สิทธิ์"  วัด​กลาง​พระอาราม​หลวง​ ปล่อย​คลองละลม​ สระ​ธรรมชาติ​ อนุรักษ์​พันธุ์​ปลา

เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ร่วมกับประมงจังหวัดบุรีรัมย์​ ศูนย์​วิจัย​และ​พัฒนา​พันธุกรรม​สัตว์​น้ำ​บุรีรัมย์​ มณฑล​ทหารบก​ที่​ 26​ และวัดกลางพระอารามหลวง ระดมเจ้าหน้าที่​ จิต​อาสา​ จับปลาจำนวนมากออกจากสระศักดิ์สิทธิ์ นำไปปล่อยเลี้ยงอนุรักษ์ไว้ที่สระน้ำธรรมชาติ และคลองละลมโบราณ เพื่อน้ำในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาด สามารถนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปไว้ใช้ในพระราชพิธีต่างๆ 

วันนี้ (6 เม.ย.66) เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ร่วมกับประมงจังหวัดบุรีรัมย์​ ศูนย์​วิจัย​และ​พัฒนา​พันธุกรรม​สัตว์​น้ำ​บุรีรัมย์​ มณฑล​ทหารบก​ที่​ 26​ ค่าย​สมเด็จ​เจ้าพระยา​มหากษัตริย์​ศึก​ จังหวัด​บุรีรัมย์​  และวัดกลางพระอารามหลวง นำเจ้าหน้าที่เทศบาล และเจ้าหน้าที่ประมง ทหาร​ มทบ.26​ และจิตอาสา​  ร่วมกันจับปลาออกจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอยู่ภายในวัดกลางพระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีปลาหลากหลายชนิดอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งปลาขนาดใหญ่และขนาดเล็ก นำไปปล่อยเลี้ยงอนุรักษ์ไว้ที่สระน้ำธรรมชาติ และคลองละลมโบราณ ลูกที่ 6 เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ปลาต่อไป

  ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณปลาที่มีจำนวนมาก และมีชาวบ้านมาให้อาหารปลา ทำให้น้ำในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ เริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และน้ำอาจจะเสียส่งผลให้ปลาตายได้ จึงต้องนำปลาออกจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ แล้วไปปล่อยลงในสระน้ำธรรมชาติ และคลองละลมโบราณ เพื่อน้ำในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ใสสะอาด สามารถนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปไว้ใช้ในพระราชพิธีต่างๆ ซึ่งปลาส่วนใหญ่เป็นปลาดุก ปลานิล ปลาสวาย ปลายี่สกเทศ ปลาตะเพียน ตะเพียน​ขาว​ปลาไน และ​ปลาจีน​ มีน้ำ​หนักตั้งแต่​ 300​ กรัม​ จนถึง​ 8​ กิโลกรัม​ ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน ต.ค.64 เคยนำปลาออกจากสระแห่งนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง

สำหรับสระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เดิมชาวบ้านเรียกว่า “สระสิงโต” ในสมัยกรุงธนบุรีเมื่อกรุงเจ้าพระยาจักรี ซึ่งต่อมาได้เป็น (พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) ยกทัพมาตีเมืองจำปาศักดิ์ ทรงได้พักทัพที่บริเวณสระน้ำแห่งนี้ ในอดีตชาวเมืองอาศัยน้ำจากสระดังกล่าวสำหรับดื่มกิน และใช้ในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยนำน้ำในสระไปทำพิธีดื่มกินในพระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถในปัจจุบัน และเมื่อคราวที่ทางราชการได้จัดพระราชพิธีมหามงคลต่าง ๆ ก็จะนำน้ำศักดิ์ศักดิ์จากสระแห่งนี้ไปประกอบพิธี

  ในส่วนวัดกลางพระอารามหลวงดังกล่าว เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์มาแต่โบราณ ตั้งเมื่อ พ.ศ.2329 มีประวัติเล่าสืบต่อกันว่าสมัยกรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก นำทัพไปปราบเจ้าเมืองนางรอง จัดระเบียบการปกครอง และได้หยุดพักทัพที่บริเวณนี้ ซึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่แห่งนี้ ปัจจุบันเชื่อกันว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ในวัดกลางบุรีรัมย์ และทางราชการได้มีประกาศยกวัดกลางเป็นพระอารามหลวง แห่งแรกของบุรีรัมย์ เมื่อปี พ.ศ.2533

  พระเทพปริยัตยาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าอาวาสวัดกลางพระอารามหลวง กล่าวว่า สาเหตุที่นำปลาไปปล่อยที่อื่น เพราะสระน้ำแห่งนี้ เป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชาวบ้านเรียกติดปากว่า สระสิงโต ในสมัยโบราณชาวบ้านต่างนำน้ำในสระไปดื่ม ไปอาบ เพราะเมื่อก่อนไม่มีประปา มีแต่น้ำในสระสิงโตนี้ ต่อมาทางกรมศิลปากรได้มาปรับปรุงให้เป็นสระน้ำที่สวยงาม ระยะหลังได้มีชาวบ้านนำปลามาปล่อย เพราะว่าการปล่อยปลาในวัดถือว่าเป็นมงคลลงในสระแห่งนี้ ทำให้ปลามีปริมาณมากขึ้น ก็ทำให้น้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่สะอาด

วันนี้​ ทางประมงจังหวัด​บุรีรัมย์​ ศูนย์​วิจัย​และ​พัฒนา​พันธุกรรม​สัตว์​น้ำ​บุรีรัมย์​  เทศบาลเมือง​บุรีรัมย์​ ทหาร​ มทบ.26​ และ​จิต​อาสา​ ได้มาจับปลาในสระนี้ไปไว้ในสถานที่อื่น ให้น้ำดูสะอาดขึ้น เพื่อสามารถนำน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปไว้ใช้ในพระราชพิธีต่างๆ อย่างไรก็ดี ขอความร่วมมือญาติโยมทั้งหลายอย่าได้นำปลามาปล่อยลงในน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ขอให้นำปลาไปปล่อยที่อื่นแทน เพราะที่ผ่านมา ได้นำปลาขึ้นจากสระน้ำแห่งนี้มาแล้ว 3 ครั้ง

  ด้านนายสกล ไกรรณภูมิ นายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ กล่าวว่า ชาวบ้านจะนำปลามาปล่อยลงในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ในโอกาสต่างๆ ทั้ง วันเกิด ทำบุญ งานประเพณีต่างๆ อาจจะทำให้น้ำสกปรก ซึ่งที่ผ่านมา ทางเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ประมงจังหวัด​  และวัดกลางพระอารามหลวง ได้นำปลาที่มีจำนวนมากในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปปล่อยตามสระน้ำธรรมชาติ และคลองละลม เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ปลาต่อไป