เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 4 เม.ย.66 ร.ต.อ.จิรภัทร บัวทอง รองสารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวงชุมพร ร.ต.ท.สมบัติ ปัตเมฆ รอง สว.(ป) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ส.ต.อ.มาตุภูมิ รัตนคช ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ร่วมกับ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)จ.ชุมพร เจ้าพนักงาน กก.5 บก.ป. ตชด.414 กอ.รมน.จ.ชุมพร เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก
ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายวีระพงษ์ อายุ 32 ปี นางสาวบุญโฮม อายุ 32 ปี นายวรวิทย์ อายุ 30 ปี นายเกียรติศักดิ์ อายุ 21 ปี ทั้งหมดสัญชาติไทย รวม 4 คน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ให้ที่พักอาศัยช่วยซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม พร้อมด้วยชาวโรฮีนจา ชายและหญิง เด็กชายเด็กหญิงรวมทั้งหมด 89 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และของกลางเป็นรถยนต์กระบะจำนวน 3 คัน ด้านหลังกระบะติดตั้งตู้ทึบแบบอลูมิเนียม
สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.วันที่ 4 เม.ย.66 ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงจำนวน 2 คันคือรถ 2408 และ 2415 ได้ออกตรวจในเขตรับผิดชอบมาถึงบริเวณ กม.ที่ 41-41 ตำบลทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้สังเกตเห็นรถยนต์กระบะติดตั้งตู้ทึบมีลักษณะบรรทุกคล้ายของหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งสัญญาณให้จอดชิดขอบทางด้านซ้าย พบนายวีระพงษ์ เป็นคนขับจึงขอตรวจสอบพบ บุคคลต่างด้าวจำนวน 30 คนนั่งแออัดกัน นายวีระพงษ์รับว่า มีอีก 2 คันลักษณะเดียวกันขับตามกันมาพร้อมกัน
จากนั้นได้วิทยุสั่งการให้ร่วมกันสกัดจับรถกระบะอีก 2 คันไล่ติดตามไปถึงในซอยเกษแก้ว หมู่ 2 ตำบลช่องไม้แก้ว ริมถนนสายเอเชีย 41 เห็นรถทั้ง 2 คันจอดอยู่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบชาวต่างด้าวอีกจำนวน 59 คน สอบถามผู้ขับขี่รถกระบะทั้ง 2 คัน ให้การว่า ได้รับบุคคลต่างด้าวมาจากจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไปพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยได้รับค่าจ้างคันละจำนวน 30,000 บาท จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมรถของกลางทั้งหมดไปยัง สภ.ทุ่งตะโก เพื่อลงบันทึกการจับกุมและสอบสวนขยายผล
นายฮุนเซน มูฮัมมัด อายุ 28 ปี ล่ามชาวเมียนมา เล่าว่า หลังจากสอบถามบุคคลต่างด้าวดังกล่าว ทราบว่า ทั้งหมดเป็นชาวโรฮิงญา โดยบางส่วนหนีมาจากศูนย์อพยพ บางคนมาจากรัฐยะไข เดินทางข้ามเรือ ข้ามภูเขาจากประเทศเมียนมา เข้ามาทางชายแดนอำเภอแม่สอด บางคนเดินทางใช้เวลาเดินเท้า 2 สัปดาห์ ถึง 2 เดือน โดยมารวมตัวกันที่โกดังแห่งหนึ่งในอำเภอแม่สอด หลังจากนั้นจะมีรถมารับและส่งรับกันเป็นช่วงๆจนมาถูกจับบางคนบอกว่าไม่ได้กินข้าวมา 2 วันแล้ว
ล่ามยังบอกอีกว่า ต่างด้าวชาวโรฮิงญาต้องเสียเงินให้กับนายหน้าชาวโรฮิงญาด้วยกันประมาณ 10 ล้านจัต แลกเป็นเงินไทยประมาณ 1 แสน 2 หมื่นบาท เมื่อถามว่าเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ โดยชาวต่างด้าวบางคนบอกว่า พ่อแม่บางคนออกให้ บางคนขายที่ดิน และบางคนญาติที่อยู่มาเลเซียส่งให้ ส่วนเงินจำนวนนี้บางคนจ่ายให้นายหน้าชาวโรฮิงญาไปแล้ว บางคนจ่ายครึ่งหนึ่ง โดยนายหน้าจะเรียกเก็บเงินตอนอยู่ในโกดังที่แม่สอดกับญาติพี่น้องของแรงงานต่างด้าวกลุ่มนี้ นายหน้าชาวโรฮิงญาจะแบ่งกันอยู่คนละพื้นที่คือ ในบังกลาเทศ ในมาเลเซีย และแม่สอดโดยจะติดต่อเชื่อมโยงกันหมด
ทั้งนี้ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุดจับกุม เปิดเผยว่า โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับกลุ่มบุคคลต่างด้าวชาวโรฮิงญาทั้งหมดได้ก่อน เนื่องจากว่าขณะเข้าตรวจค้นและเปิดประตูตู้ทึบทำด้วยสแตนเลสมีความร้อนสูงและไม่มีอากาศถ่ายเท เมื่อเปิดออกเห็นภาพที่น่าสลดเมื่อเด็กและผู้หญิงบางคนเป็นลมตะเกียกตะกายบางรายแทบหยุดหายใจ ถ้าไม่สกัดจับได้ก่อนอะไรจะเกิดขึ้นต้องมีการเสียชีวิตหมู่แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สภาพของชาวโรฮิงญา ทั้งหมดมีภาพภาพร่างกายที่หิวโซ บางคนอดข้าวมาสองวันแล้ว อีกทั้งสภาพของเสื้อผ้าที่คาดว่าไม่ได้เปลี่ยนหรืออาบน้ำมาหลายวันทำให้บริเวณที่รวมตัวของกลุ่มชาวโรฮิงญานั้นมีกลิ่นสาบเหม็นคละคลุ้ง ซึ่งสร้างความหดหู่ใจเป็นอย่างมาก