นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า...

ทนายประชาชนวงแตก 
เมื่อเลือกเส้นทางทนายที่ว่าความหน้าจอ สร้างตัวตนเป็น “ทนายประชาชน”
อาชีพที่ต้องเผชิญกับการใช้กฎหมาย มีสภาทนายความ มีมรรยาททนาย ข้องเกี่ยวกับเส้นบางๆ ของคำว่า “คุณธรรม” 
สิ่งที่ต้องตอบสังคมให้ได้คือ “ทรัพย์สิน” ที่มีหรูหรา อู้ฟู่ แบรนด์เนม เสื้อ กางเกง นาฬิกา รถหรู บ้านช่องต่างๆ เหล่านี้ 
“ท่านได้แต่ใดมา?”
เพราะการเอาประชาชนมาบังหน้า แสร้งทำตัวขาว ใช้วิชาชีพว่าความให้คนเดือดร้อนมีคดีในคราบทนายประชาชน
มันสวนทางความหรูหราหมาเห่าที่โอ้อวด
ทนายประชาชนจึงต้องปิดฉากลง เพราะสังคมรู้ถึงพฤติกรรม
การอาศัยความใกล้ชิดตำรวจใหญ่ไปโชว์ในโซเชียล ใช้ช่องของมาตรา 100/2 ช่วยเหลือผู้ต้องหาคดียาเสพติดหนีไปต่างประเทศ
หรือการไปตีสนิทกับ “รอง ห.” ที่ บก.ปอท. ถึงขนาดกินไวน์ขอแลกเปลี่ยนข้อมูลคดีพนันออนไลน์กันได้ เพราะโยงไปถึง “สารวัตรซัว” 
หากเป็นอย่างนั้น เขาเรียก “ทนายโจร” ไม่ใช่ “ทนายประชาชน” 
โจรอย่างผมจึงไม่เคยอ้างถึงความดี เพราะเมื่อเป็นโจรต้องอยู่ตามภาษาโจรเท่านั้น 
จะไปอ้างตัวเป็น “โจรประชาชน” มันกระดากปากอายสังคม 
หากตอบไม่ได้ ไม่มีใครว่า แต่จะไม่มีใครจ้างว่าความ ยกเว้นว่าจะปิดฉาก “ทนายประชาชน” แล้วเปลี่ยนไปเป็น “ทนายโจร” แทน
ยิ่งตระกูลไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน เพราะบ้านอยู่แถวกระทุ่มแบนใกล้โรงพักตำรวจ รู้จักตำรวจมากมาย
ก็เปลี่ยนอาชีพจากทนายไปขายข้าวแกงให้ตำรวจเสียเลยจะดีกว่า 
อาจจะมีเงินน้อยหน่อย
แต่มีศักดิ์ศรีกว่าไปหลอกลวงคนอื่นด้วยคำว่า “ทนายประชาชน”
มีเรื่องให้ผมแฉอีกมาก แต่ตอนนี้ดึกไปหน่อย แถมพรุ่งนี้ต้องไปดู “ลิเก” ที่ศาลาว่าการ กทม. ดินแดง ตั้งแต่ตี 5 
แล้วจะกลับมากระชากหน้ากากทนายประชาชนจอมปลอม