ธนาคารแห่งประเทศไทยอัปเดตมาตรการป้องกันความเสี่ยงและปิดช่องโหว่ภัยทางการเงิน ตามมาตรการจัดการภัยธุรกิจทางการเงิน ที่แบงก์ชาติได้กำหนดแนวปฏิบัติขั้นต่ำให้ทุกสถาบันการเงินปฏิบัติตาม เพื่อลดช่องทางที่มิจฉาชีพจะเข้าถึงประชาชน และเพิ่มความมั่นใจในการใช้บริการทางการเงินดิจิทัลมากยิ่งขึ้น
โดยแนวปฏิบัติดังกล่าวได้แก่
1.ปิด SMS และเบอร์ Call Center ที่แอบอ้างเป็นธนาคาร ปิดเว็บไซต์หลอกลวง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันเสร็จแล้วทุกแห่ง
2.แจ้งเตือนบน Mobile Banking ก่อนทำธุรกรรมทุกครั้ง และให้ผู้ใช้งานประเมินการตระหนักรู้ต่อภัยทุจริตเป็นระยะ โดยเริ่มตั้งแต่เริ่ม มี.ค.66 สถาบันการเงินจะดำเนินการเสร็จทุกแห่ง มิ.ย.66
3.ยืนยันตัวตนขั้นต่ำด้วยBiometrics เช่น สแกนใบหน้าเมื่อเปิดบัญชีแบบไม่ได้ไปสาขาเปลี่ยนวงเงิน หรือโอนเงินมูลค่าสูง โดยกรณีเปิดบัญชีสถาบันการเงินได้ดำเนินการเสร็จแล้ว
กรณีอื่น เริ่ม มี.ค. 66 และสถาบันการเงินจะดำเนินการเสร็จทุกแห่ง มิ.ย.66
4.งดส่งลิงก์ผ่าน SMS อีเมลรวมถึงลิงก์ขอข้อมูลสำคัญ เช่นชื่อผู้ใช้งาน รหัสผ่าน และเลขบัตรประชาชน ผ่านโซเชียลมีเดีย เริ่ม ก.พ. 66 และสถาบันการเงินจะดำเนินการเสร็จทุกแห่ง มิ.ย.66
5.จำกัด 1 บัญชีใช้งาน Mobile Banking ได้เพียง 1 อุปกรณ์ ต่อ 1 ธนาคาร โดยสถาบันการเงินจะดำเนินการเสร็จทุกแห่งมี.ค.66
6.ปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยบน Mobile Banking ให้อัปเดตอยู่เสมอเริ่ม ก.พ.66 โดยสถาบันการเงินจะดำเนินการเสร็จทุกแห่ง มี.ค.66
7.กำหนดเพดานวงเงินถอน/โอนสูงสุดต่อวันให้เหมาะสมกับความเสี่ยงของกลุ่มผู้ใช้บริการแต่ละประเภท ทั้งนี้ลูกค้าสามารถขอปรับได้ตามความจำเป็นและต้องยืนยันตัวตนอย่างเข้มงวด เริ่ม ก.พ.66 สถาบันการเงินจะดำเนินการเสร็จทุกแห่ง มิ.ย.66