ศึกเลือกตั้ง 66 ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ถือเป็นการท้าทายฐานเสียงของบ้านใหญ่กลุ่ม”เพื่อนเนวิน”เป็นอย่างมาก ฐานที่ตั้งหลักของภูมิใจไทยที่ฝังรากลึกมานาน จะทานกระแสของพรรคคู่แข่งหนึ่งเดียวอย่างเพื่อไทยได้หรือไม่ และพรรคเพื่อไทยจะสามารถเจาะไข่แดง”ถิ่นเนวิน”ได้มากน้อยแค่ไหน

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า การเมืองของจังหวัดบุรีรัมย์ ถือว่ามีกลุ่มการเมือง(บ้านใหญ่)เพียงกลุ่มเดียวในห้วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา ที่สามารถฝังรากความนิยมลึกลงไปเกือบแทบทุกพื้นที่ใน 189 ตำบล จาก 23 อำเภอ จากประชากรทั้งหมดกว่า 1.5 ล้านคน มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 7.8 แสนคน เพราะมีการบริหารจัดการที่ดีแบบเบ็ดเสร็จ เรียกได้ว่าเป็น”นักเลือกตั้ง” ได้โดยไม่อายใคร เพราะทุกคนของบ้านใหญ่ที่ถูกส่งไปสมัครรับเลือกตั้ง มักจะชนะคู่แข่งทั้งสิ้น ยกเว้นการเมืองระดับท้องถิ่นเช่นการเลือกตั้ง อบต.หรือเทศบาล หรือผู้นำหมู่บ้าน จะมีคนของพรรคการเมืองอื่น(เพื่อไทย)เข้ามาเสียบได้บ้าง แต่จะมีเพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่เหลือเป็นของคนบ้านใหญ่แทบทั้งหมด

เช่นเดียวกับการเลือกตั้งใหญ่ทุกครั้ง ที่จังหวัดบุรีรัมย์ แทบจะไม่มีพรรคการเมืองอื่นเข้ามาแทรกในพื้นที่ได้ ถึงแม้จะมีการย้ายพรรคหรือเปลี่ยนชื่อพรรคก็ตาม ชาวบ้านจะจำแม่นหากมีผู้นำแต่ละพื้นที่มาชี้เป้าให้เลือกใคร ทำให้ชนะการเลือกมาโดยตลอด

หากย้อนไปเมื่อการเลือกตั้งปี 54 ถือว่าเป็นความเจ็บปวดที่สุดของพรรคภูมิใจไทย เพราะนอกจากจะถูกพรรคเพื่อไทยแย่งที่นั่งในจังหวัดบุรีรัมย์ ไป 2 เขตเลือกตั้งคือเขต 6 และเขต 7 จากทั้งหมด 9 เขตเลือกตั้งในตอนนั้น โดยเฉพาะภาพรวมทั้งประเทศพรรคภูมิใจไทยได้ สส.มาเพียง 29 ที่นั่ง ทั้งที่ลงทุน ลงแรงส่งผู้สมัครจนครบทั้งประเทศ หนำซ้ำยังกลายมาเป็นฝ่ายค้าน จากที่ไม่เคยเป็นฝ่ายค้านมานานกว่า 14 ปี

การเลือกตั้งปี 2566 เป็นอีกครั้งหนึ่งที่พรรคภูมิใจไทย มีเป้าหมายที่จะเลื่อนชั้นจากพรรคขนาดกลางมาเป็นพรรคขนาดใหญ่ คือจะต้องมี สส.ในสังกัดมากกว่า 100 ที่นั่ง เพราะมี สส.คนเด่นคนดัง ลาออกจากพรรคอื่น มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เป็นจำนวนมาก

ดังนั้นเบื้องต้นจะต้องคุมสถานการณ์ในบ้านของตัวเองให้ได้ จาก 8 เขตเลือกตั้งเดิม กลายเป็น 10 เขตเลือกตั้งของบุรีรัมย์ กุนซื้อบ้านใหญ่”เพื่อนเนวิน”ได้เตรียมผู้สมัครหน้าใหม่เพิ่มอีก 2 เขตแล้ว หนึ่งในนั้นที่เปิดตัวไปแล้วคือ นายไชยชนก ชิดชอบ ในวัย 35 ปี ลูกชายของนายเนวิน ชิดชอบ

ถึงเวลานี้กลุ่มเพื่อนเนวิน ยังไม่เปิดตัวผู้สมัครครบทุกเขตเลือกตั้งในจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ส่วนใหญ่น่าจะเป็น สส.คนเดิมที่เป็นลูกหม้อของบ้านใหญ่”เนวิน ชิดชอบ”แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ คู่แข่งของบ้านใหญ่บุรีรัมย์ ไม่ใช่มีเพียงพรรคเพื่อไทยพรรคเดียว ยังมีพรรคอื่น คอยจ้องที่จะแย่งเก้าอี้อีกหลายพรรค หากจะเปรียบข้อด้อยข้อเด่นของการเลือกตั้งใหญ่ 66 ใครได้เปรียบใคร ใครลองใคร ชี้เป็นเขตๆดังนี้

เขตเลือกตั้งที่ 1 เจ้าของพื้นที่เดิมคือนายสนอง เทพอักษรณรงค์ ได้รับการเลือกตั้งเป็น สส.เมื่อปี 2550 มาจนถึงปัจจุบัน คู่แข่งเป็นทนายความชื่อดัง นายพีรภัทร ทองธีรสกุล หรือชาวบ้านรู้จักกันดีคือทนายปีเตอร์ ทั้งสองถือเป็นมวยคนละชั้นเชิง สนอง เทพอักษรณรงค์ เป็น สส.ที่ลงพื้นที่ตลอดทั้งปี ขณะทนายปีเตอร์เพิ่งลงสมัครเป็นครั้งแรก จะอาศัยเกาะกระแสเพื่อไทยได้มากน้อยแค่ไหนยังไม่มีใครทราบ

เขตเลือกตั้งที่ 2 -3 ถือว่ายังเงียบไม่หวือหวามากนัก จะมีแรงที่เขตเลือกตั้งที่ 4ระหว่างนายรังสิกร ทิมาตฤกะ(ทิ-มา-ตะ-รึ-กะ)อดีต สส.3 สมัย ครั้งนี้มาเจออดีต สส.เพื่อไทย นายสุรศักดิ์ นาคดี คู่นี้ถ้าเปรียบเทียบกันตัวต่อตัว จะมีความเหมือนที่แตกต่าง รังสิกร ที่ผ่านมาอาศัยขยันลงพื้นที่ สร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชน ส่วนนายสุรศักดิ์ ถึงแม้จะร้างเวทีการเมืองมานาน แต่ยังมีกระแสของพรรคเพื่อไทยมาหนุน คอการเมืองที่บุรีรัมย์ บอกว่า หากสุรศักดิ์ นาคดี มีกระสุน มีโอกาสเฉือนเอาชนะได้เลยทีเดียว

เขตเลือกตั้งที่ 5 นายสมบูรณ์ ซารัมย์ พี่ชายนายโสภณ ซารัมย์ หลังเกษียณราชการตำแหน่ง ผอ.สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร ได้รับการเลือกตั้งเป็น สส.ในสมัยที่ผ่านมาเป็นสมัยแรก สายนี้เป็นสายเกษตรเดิม เพราะเคยเป็นเกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ เลือกตั้งครั้งที่แล้วใช้ฐานเสียงจากเกษตรกร บวกกับการสนับสนุนจากน้องชายโสภณ ซารัมย์ ทำให้ชนะขาดในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้มาแข่งกับอดีตครู พรรคเพื่อไทย สายนี้ต้องใช้กระแสของเพื่อไทยเพียงอย่างเดียวจึงจะมาต่อกรอนกับนายสมบูรณ์ได้

เขตเลือกตั้งที่ 7 สส.ภูมิใจไทย เดิม นายรุ่งโรจน์ ทองศรี จะต้องมาสู้กับนายพรรณธนู วรรณกางซ้าย ลูกชายนายหนูแดง วรรณกางซ้าย อดีต สส.พรรคเพื่อไทย ที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นหนึ่งใน 2 พรรคเพื่อไทย ที่แย่งเก้าอี้กลุ่มเพื่อนเนวินมาได้เมื่อปี 54 ครั้งนี้นายพรรณธนู จะได้คะแนนสงสารจากพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว บวกกับกระแสของเพื่อไทย ว่าจะสามารถตีตื้นขึ้นมาได้มากน้อยแค่ไหน

เขตเลือกตั้งที่ 8 ภูมิใจไทยยังไม่ประกาศตัวผู้สมัคร แต่มีคู่แข่งแล้วคือนายสมนึก เฮงวาณิชย์ พรรคเพื่อไทย อดีต สส.พรรคมัชฌิมา คราวนี้ลงเข้ามาเป็นคู่ประกบในนามพรรคเพื่อไทย มองด้วยตาเปล่ากลุ่มเพื่อนเนวินจะได้เปรียบในเชิงพื้นที่เดิม แต่พื้นที่ของเขต 8 ยังมีกลุ่มคนเสื้อแดงฝังอยู่ใต้ดินเป็นจำนวนมาก

เขตเลือกตั้งที่ 9 เป็นอีกเขตเลือกตั้งหนึ่งที่ยังไม่หวือหวามากนัก จะมีแรงอีกหนึ่งเขตคือเขตเลือกตั้งที่ 10 หลังจากกำนันนาย จำรัส เวียงสงค์ อดีต สส.พรรคเพื่อไทย คราวนี้ปัดฝุ่นมาสู้กับ นายจักรกฤษณ์ ทองศรี สส.ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีฐานคะแนนเดิมอย่างแน่นหนา แต่ยังประมาทไม่ได้ เพราะเริ่มมีตัวชี้วัดแล้ว หลังจากทีมครอบครัวเพื่อไทยนำโอยอุ้งอิ้ง มาเปิดเวทีปราศรัยที่ อ.ประโคนชัย ปรากฏว่ามีคลื่นมหาชน หลั่งไหลมาดูการปราศรัยมากกว่า 12,000 คน จากที่ตั้งเป้าเอาไว้เพียง 7,000 คนเท่านั้น

 

ซึ่งการเลือกตั้งใหญ่ของจังหวัดบุรีรัมย์ 66 จะเป็นตัวชี้ความสามารถของกลุ่มเพื่อนเนวิน เป็นอย่างมาก เพราะการเมืองมีความเป็นไปได้หลายประตุ จากกลุ่มเพื่อนเนวิน เคยสู้เพียงพรรคเพื่อไทย เท่านั้น ครั้งนี้จะต้องมาสู้กับพรรคอื่น เช่นพรรคก้าวไกลอีก หลังจากผลคะแนนการเลือกตั้งของจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 62 พรรคอนาคตใหม่ ในตอนนั้น ได้คะแนนเสียงถึง 113,794 คะแนน เป็นรองพรรคพลังประชารัฐ เพียง 2 เปอร์เซ็นต์เศษ ทั้งที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ไม่เคยเห็นตัวจริงของผู้สมัครแม้แต่คนเดียว

โดยมีความเป็นไปได้ทุกอย่าง ว่าภูมิใจไทยที่บุรีรัมย์ จะสามารถกวาดทั้ง 10 ที่นั่งของจังหวัดบุรีรัมย์ ได้อีกหรือไม่ และจะช้ำใจเหมือนการเลือกตั้งปี 54 อีกหรือไม่ ต้องคอยจับตาดูแบบไม่กระพริบสายตา