เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 มี.ค. 66 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตัวแทนจากพรรคการเมือง 4 พรรค ประกอบด้วย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายสุขุมพงศ์ โง่นคํา คณะทำงานด้านกฎหมายพรรคเพื่อไทย ร่วมกันยื่นหนังสือ ถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการแก้ไข ในกรณีที่สถานทูตไทยในหลายประเทศ ยกเลิกระบบการเลือกตั้งทางไปรษณีย์  และยังจัดให้มีการเลือกตั้งที่สถานทูตในวันทำการ  ซึ่งจะเป็นการทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการเลือกตั้ง

โดยนายสมชัย กล่าวว่า คนไทยนอกราชอาณาจักร เป็นคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง และมีความสำคัญในการที่จะใช้สิทธิคนเลือกตั้ง คาดว่าคนที่มีสิทธิเลือกตั้งมีประมาณ 1,000,000 คน ตัวอย่างการเลือกตั้งของปี 62 มีคนใช้สิทธิ์ 100,000 คนคิดเป็น 10% ของคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่สูงที่สุด และเราเชื่อว่าตัวเลขสูงกว่านี้ได้ ถ้าหาก กกต. และกระทรวงการต่างประเทศ มีความตั้งใจและจริงใจ ในการที่จะสร้างความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเข้ามาใช้สิทธิเลือกตั้ง การลงทะเบียน ขึ้นทะเบียนคนที่ใช้สิทธิ ควรจะทำให้ง่าย และสะดวกต่อประชาชน ในการเข้าถึง และใช้บริการ

โดยการใช้สิทธิ์การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรกฎหมายกำหนดไว้ 3 รูปแบบ 1.ที่สถานทูตหรือสถานกงสุล 2.ที่หน่วยเลือกตั้งเคลื่อนที่ 3.การเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ซึ่งทั้งสามรูปแบบนี้ รูปแบบที่มีคนใช้สิทธิมากที่สุด คือทางไปรษณีย์น้อยที่สุด คือที่สถานทูต เพราะต้องเดินทาง เสียเวลา เสียค่าใช้จ่าย ทำให้ไม่สะดวกเป็น

ส่วนการออกประกาศของสถานทูตต่างๆ ในต่างประเทศ ที่มีการยกเลิกการเลือกตั้งทางไปรษณีย์ เช่น มาเลเซียสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ จอร์แดน เบลเยี่ยม และทำให้ประชาชนเข้าถึงการเลือกตั้งยากขึ้น รวมถึงในบางประเทศยังไปกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเวลาราชการ ซึ่งถือเป็นการจำกัดให้ประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิได้ เนื่องจากต้องเสียเวลาการทำงานเพื่อไปใช้สิทธิ อีกส่วนหนึ่งคือการกำหนดให้การเลือกตั้งทางไปรษณีย์ ต้องส่งบัตรเลือกตั้งกลับมาให้ทันในวันปิดรับ ซึ่งคือวันที่ 28 เม.ย. เป็นการปิดรับที่เร็วเกินไป เพราะกว่ากกต.จะส่งให้บัตรเลือกไปต่างประเทศก็วันที่22 เม.ย. แล้ว กว่าจะถึงต่างประเทศ กว่าสถานทูตจะจัดส่งให้คนไทยในต่างประเทศก็ใช้เวลาอีก และเมื่อไปถึงแล้วก็อาจจะเลยเวลาแล้ว

เราจึงมายื่นข้อเรียกร้องขอให้กกต.ดำเนินการแก้ไขโดยประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการแก้ไข 5 เรื่องดังนี้ 1.ขอให้เพราะประสานกับกระทรวงต่างประเทศ ให้สถานกงสุลทุกแห่ง ใช้การเลือกตั้งทางไปรษณีย์เป็นวิธีการหลัก

2.ในกรณีที่สถานทูตหรือสถานกงสุล จัดให้มีการตั้งเลือกตั้ง ณ ที่ทำการ ขอให้ใช้วันเสาร์-อาทิตย์ ในการเลือกตั้ง

3.ขอให้มีการปรับเปลี่ยนกำหนดการในการส่งบัตรเลือกตั้งกลับมาที่สถานทูต ในระยะเวลาที่ไม่เร็วเกินไป ซึ่งอาจจะขยับไปวันที่ 4 พ.ค. เพราะสถานทูตก็จะเหลือเวลาอีก 10 วันที่จะส่งกลับประเทศไทย

4.เรียกร้องให้สถานเอกอัครราชทูตที่มีความพร้อม สามารถนับคะแนนได้ โดยมีสักขีพยานเป็นคนไทย เป็นไปตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566

5.เรียกร้องให้กกต.ออกรายละเอียดในการเลือกตั้งในต่างประเทศทั้งหมด ลงในเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้

นายสมชัย กล่าวอีกว่า อย่าอ้างว่ากกต.ไม่เกี่ยว ต้องเป็นกระทรวงการต่างประเทศจัดการ ท่านต้องศึกษาร่วมกัน และการกำหนดสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน อย่างกรณีที่ต้องขอยกย่อง คือสถานทูตไทยในเบลเยียม หลังจากที่การวิพากษ์วิจารณ์ ถึงการกำหนดให้การเลือกตั้งเป็นวันอังคารที่ 24 เม.ย. ปรากฏว่ามีการปรับเปลี่ยนแล้ว โดยเปลี่ยนให้เป็นวันอาทิตย์ ที่ 29 เม.ย. และเพิ่มรูปแบบการเลือกตั้งทางไปรษณีย์เข้าไปทันที ตัวอย่างนี้เป็นตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า ถ้าท่านมีความตั้งก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันที

ด้านพ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรในกลุ่มประเทศที่มีประชากรมุสลิม โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย ที่มีคนไทยไปประกอบธุรกิจร้านอาหารเป็นจำนวนมาก ที่ควรคำนึงถึงบริบทของเทศกาลรอมฎอนหรือเทศกาลถือศีลอด ในวันที่ 22 เม.นย. ที่ส่วนใหญ่จะเดินทางกลับประเทศไทย และเป็นช่วงที่คาบเกี่ยวกับการใช้สิทธิในต่างประเทศนั้ ถือเป็นการสกัดกั้นความเชื่อทางวัฒนธรรม ทางศาสนา ดังนั้น การกระทำแบบนี้ เหมือนเป็นการกลั่นแกล้งกัน และขอให้เลื่อนการเลือกตั้ง เป็นวันหยุดราชการ ในวันที่ 4-5 พ.ค.

สำหรับนายชัยธวัช กล่าวว่า เราเห็นประชาชนคาดหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้ และคิดว่าเป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง และประเทศชาติ ยิ่งวันเลือกตั้งใกล้เข้ามา เมื่อดูในรายละเอียด ประชาชนยิ่งไม่ไว้วางใจว่าจะดำเนินการไปอย่างเสรี และเป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เรื่องการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง เรื่องการนับผลการเลือกตั้งแบบเรียลไทม์ ปฎิเสธไม่ได้ว่าจากผลการเลือกตั้งในปี 62 ชี้ชัดว่าประชาชนทั้งหมดส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกฝ่ายของผู้มีอำนาจ ซึ่งนี่อาจเป็นความตั้งใจหรือไม่ ที่จะทำให้การใช้สิทธิลดลงแทนที่จะส่งเสริม โดยเฉพาะกรณีที่ทำให้ประชาชนสับสน ในการกำหนดเบอร์ของผู้สมัคร และเบอร์ของพรรคการเมืองเป็นคนละเบอร์กัน ซึ่งพรรคก้าวไกลพยายามผลักดันให้เบอร์ของผู้สมัครและเบอร์ของพรรคการเมืองเป็นเบอร์เดียวกันแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จ

ส่วนนายสุขุมพงศ์ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญระบุว่า การที่ประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ว่าใน หรือนอกราชอาณาจักรโดยเฉพาะนอกราชอาณาจักรนั้นจะต้องมีการลงทะเบียน และจัดให้ประชาชนได้ลงคะแนนอย่างทั่วถึง และเป็นธรรมนอกจากนั้นมาตรา 50 (7) ของรัฐธรรมนูญระบุว่า ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่ต้องไปเลือกตั้ง ถึงแม้ว่า จะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นแต่เป็นการตัดสิทธิ์ทางการเมืองที่ประชาชนมีส่วนสำคัญต่อการเลือกตั้ง และก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐที่จะต้องทำให้เขามีสิทธิ์เลือกตั้งเหมือนประชาชนทั่วไป คราวที่แล้วเกิดปัญหาคือคะแนนทั้งประเทศเป็นบัตรเสียแต่ยังไม่มีการลงโทษผู้กระทำความผิดบกพร่องต่อหน้าที่  พรรคร่วมฝ่ายค้านจึงมองว่า ควรมีการปรับปรุงให้มันดีขึ้น ความผิดที่เกิดแล้วอย่าให้มันเกิดอีกถ้าหากเกิดขึ้นต้องรับผิดชอบในทางแพ่ง และทางอาญา