จากกรณีเมื่อ7 ปีที่ผ่านมา หลังจากมีการขึ้นป้ายโชว์ตัวเลขเงินบริจาคมหาศาลถึง 3.2 แสนล้านบาท เพื่อเชิญชวนชาวพุทธให้ร่วมก่อสร้าง"พระใหญ่ชัยภูมิ" สูงที่สุดในโลก ในพื้นที่บ้านโนนมะเกลือ ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ว่าเป็นเรื่อง"ลวงโลก" โครงการดังกล่าว เป็นการก่อสร้างพระพุทธรูปปางนั่งประทานพร ความสูง 199 เมตร หน้าตักกว้าง 99 เมตร บนเนื้อที่ 300 ไร่ ดำเนินการโดยมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ซึ่งมี ทิพากร อำมรินทร์ธา (นามสกุลเดิมคือ รินไธสงค์) หรืออาจารย์เปี๊ยก ฆราวาสนักปฏิบัติธรรมชื่อดังเป็นประธานผู้ก่อตั้งดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน

โดย วัลย์รัตน์  รัตนผล  อายุ 65 ปี อ้างตัวว่าเป็นผู้วิเศษสามารถติดต่อขอเงินจากองค์การการค้าโลก หรือดับเบิลยูทีโอธนาคารประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มธนาคารยุโรป รายละ1 แสนล้านบาท และเงินส่วนตัวอีก 2 หมื่นล้านบาทรวมเป็นเงิน 3.2 หมื่นล้านบาทเพื่อสมทบเป็นค่าก่อสร้าง มีการขึ้นป้าย คัตเอาต์ อย่างยิ่งใหญ่และเผยแพร่ในโลกออนไลน์เมื่อต้นเดือน มิ.ย.59 ก่อนจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานาและมีการจับพิรุธ เงินจำนวนนี้กล่าวได้ว่าเป็นเงินจำนวนมหาศาลเทียบได้เท่ากับ 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)

ซึ่งมีการเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิเข้ามาตรวจสอบ เพราะเกรงว่าอาจเป็นขบวนการหลอกลวงหาประโยชน์ จน นาย พรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.ชัยภูมิ ได้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ทางผู้สร้างชี้แจงที่มาของเงินภายในสิ้นเดือน ก.ค.59

นอกจากนี้ ผวจ.ชัยภูมิได้นำคณะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพื้นที่และการดำเนินการของมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิรวมถึงเงินบริจาค การจำหน่ายวัตถุมงคลพระบูชาขนาดใหญ่ทั้งหมดตลอด 4 ปีที่ผ่านมา พร้อมกับสั่งระงับการก่อสร้างองค์พระใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ไว้ก่อน เพราะยังไม่มีการยื่นแบบขอก่อสร้างที่ถูกต้อง รวมทั้งโครงการเตรียมจ่ายเงินเชิญชวนคนมาเข้าชื่อขอบวชพระชี รายละ 2-3 หมื่นบาทที่มีจำนวนมากกว่า 7,000 รูป เพราะมีชาวบ้านต้องการที่จะมาบวชเพื่อหวังเงินค่าตอบแทนครั้งนี้จำนวนมากอย่างต่อเนื่องไม่เท่านั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศซึ่งถูกกล่าวอ้างว่าจะเข้าร่วมบริจาคเงินสร้างพระใหญ่ถึง 1 แสนล้านบาท ทำหนังสือ "ลับมาก" ถึง ผวจ.ชัยภูมิ ระบุว่า สำนักเลขาธิการดับเบิลยูทีโอได้ปฏิเสธการบริจาคเงินดังกล่าวพร้อมชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่า ดับเบิลยูทีโอจ่ายเงินช่วยเหลือประเทศสมาชิกเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการค้าเท่านั้น ไม่เคยมีการให้ความช่วยเหลือใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา "งบประมาณดำเนินการที่ดับเบิลยูทีโอได้รับจากประเทศสมาชิกในแต่ละปีมีเพียง 7 หมื่นล้านบาทการอ้างว่าดับเบิลยูทีโอบริจาค 1 แสนล้านบาทนั้นจึงเกินกว่างบที่ได้รับ และการใช้ชื่อองค์การค้าเสรีดับเบิลยูทีโอ ก็เป็นการเรียกชื่อองค์การการค้าโลกที่ไม่ถูกต้อง จึงเห็นว่าข้ออ้างดังกล่าวไม่น่าเป็นความจริงและมีพฤติกรรมที่หลอกลวงประชาชน"เนื้อหาในหนังสือของกรมเจรจาการค้าฯ ระบุ

ล่าสุดคณะทำงานและที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ถวิลหวัง และ พ.อ.(พิเศษ)สุรินทร์ จันทร์เพียร พร้อมคณะทหารผู้ติดตามอีกกว่า20 นาย ได้เดินทางไปพบทิพากรและคณะกรรมการมูลนิธิทั้งหมดเพื่อรับฟังข้อมูล พล.อ.ต.ณัฎฐอรรจน์ ฯ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินงานของมูลนิธิพระใหญ่ชัยภูมิ ถือเป็นเรื่องที่มีวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม แต่ถ้าทางจังหวัดแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ก็จะนำเสนอให้คณะที่ปรึกษา คสช.เป็นผู้ช่วยลงมาดำเนินการเรื่องนี้ให้จบลงด้วยดีต่อไป

สำหรับการพบปะกันครั้งนี้ วัลย์รัตน์ผู้อ้างตัวบริจาคเงิน 3.2 แสนล้านบาท ได้ยอมออกมาเปิดเผยตัวต่อ คณะ คสช.ด้วย สารภาพว่าเรื่องเงินจำนวนดังกล่าวนั้นกุขึ้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเรื่องของพิธีการหรือทำเพื่อขึ้นป้ายมาถวายบายศรี ต่อองค์พระใหญ่และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เทพเทวดาประจำสถานที่ เพื่อความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกำลังใจให้คนช่วยกันทำไม่มีเจตนาเอาหน่วยงานต่างๆ ระหว่างประเทศมากล่าวอ้างให้เสียหาย และขอโทษที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดจนเสียหายบานปลาย ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของ จ.ชัยภูมิ เตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อเอาผิดกับทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิ โดยเฉพาะการกล่าวอ้างองค์กรต่างๆที่จะให้เงินบริจาค ถือเป็นการหลอกลวงประชาชน

ซึ่งในวันนี้ผลการตรวจสอบ ที่เป็นผลพวงมาจากบุคคลใกล้ชิดบางคน ส่งผลกระทบต่ออาจารย์ทิพากร และคณะกรรมการมูลนิธิฯต้องประสบวิบากกรรม พยายามทำเรื่องจริงให้ปรากฏ เพื่อลบล้างข้อคราหาที่เกิดขึ้น จนคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ในวันนี้จึงได้จัดพิธีบวชลูกชายที่บริเวณธรรมสถานวัดพระใหญ่ โดยได้นำช้างจำนวน33เชือก ร่วมประกอบพิธี

โดย อาจารย์ทิพากร   ยอมรับว่า  รู้สึกเหนื่อยแต่ไม่เคยท้อกับการเดินฝ่าปัญหานาๆนับประการ เพราะถือว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคือการทดสอบความอดทน จากองค์อินทร์ เพราะการจะดำเนินการก่อสร้างพุทธสถานที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ใครจะทำได้ เมื่อท่านเลือกตนเป็นตัวแทน การบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อให้บรรลุ ปัญหาอุปสรรคจึงไม่ใช่ ประเด็นที่ตนนำมาบั่นทอนจิตใจ วันนี้จะเริ่มต้นใหม่ในการพัฒนาวัดพระใหญ่ด้วยงบประมาณ 9 พันล้านบาทต่อไป

ด้าน นางรัตนาพร กรมัฆวาน  ยืนยันและมั่นใจว่า อาจารย์ทิพากร จะสามารถสร้างและพัฒนาวัดได้สำเร็จ ตนเข้ามาถวายตัวเป็นลูกศิษย์ ตั้งแต่เริ่มโครงการ จนเจอปัญหา ก็ไม่เคยสิ้นศรัทธา และวันนี้ยิ่งมั่นใจว่าจะสำเร็จอย่างแน่นอน