จากกรณีเมื่อวันที่ 15 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้รับข้อมูลจาก ทีมสืบสวนองค์การโอเปอร์เรชั่น อันเดอร์กราวน์เรลโรด (Operation Underground Railroad) กรณีสถานประกอบการแอบแฝงค้าประเวณีเด็ก จึงได้เข้าทำการตรวจสอบและสามารถจับกุม น.ส.วัชราภรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) และ น.ส.ทักษกร (ขอสงวนนามสกุล) โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์โดย มิชอบจากเด็ก (บุคคลผู้มีอายุเกิน 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี) โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น การบังคับใช้แรงงานหรือบริการอันเป็นการขูดรีดบุคคล ไม่ ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามฯ และค้ามนุษย์ โดยจับกุมได้ที่ร้านแห่งหนึ่ง ถนนบางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และยังสามารถช่วยเหลือเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้อีกจำนวน 6 คน พื้นที่รับผิดชอบ สภ.ป่าตอง ภ.จว.ภูเก็ต รายละเอียดตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มี.ค.66 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งสืบสวนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องนำมาดำเนินคดีทั้งหมด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการ ให้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลหาตัวเจ้าของที่แท้จริงและดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสืบสวนพบว่า ร้านที่เกิดเหตุดังกล่าวนั้น ดำเนินการโดยบริษัทฯแห่งหนึ่ง และยังมีร้านในเครืออีก 3 ร้าน ต่อมาวันที่ 17 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นกรรมการบริษัทฯ เพิ่มอีก 3 คน ได้แก่ 1. น.ส.เบญจมา(ขอสงวนนามสกุล) 2.นางสุภาพร (ขอสงวนนามสกุล) 3.นายรอนนี่ (ขอสงวนนามสกุล) โดยดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก (บุคคลผู้มีอายุเกิน 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี) โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีการแสวงหาประโยชน์ทางเพศใน รูปแบบอื่น การบังคับใช้แรงงานหรือบริการอันเป็นการขูดรีดบุคคล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ ตามฯ ซึ่งเป็นการกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า บริษัทฯดังกล่าว มีน.ส.เบญจมาภรณ์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ แต่ข้อเท็จจริงมีสถานะเป็นเพียงลูกจ้างของนายรอนนี่ แต่ถูกใช้เป็นนอมินี จึงได้ขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ดำเนินคดีกับ น.ส.เบญจมาภรณ์,นายรอนนี่ และบริษัทฯดังกล่าวเพิ่มเติมในความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ในลักษณะเป็นนอมินีสรุป รวมผู้ต้องหาตามหมายจับ 5 ราย สามารถติดตามจับกุมได้จำนวน 4 ราย หลบหนี 1 ราย คือ นายรอนนี่ ซึ่งเดินทางออกนอกราชอาณาจักรแล้ว จะได้ประสานของหมายแดงตำรวจสากล (Red Notice) เพื่อประสานติดตามจับกุมต่อไป ในส่วนของการแอบแฝงการค้าประเวณีเด็กนั้น เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ตรวจสอบระบบจัดเก็บ ข้อมูลในร้านพบว่า มีข้อมูลการอ๊อฟเด็กจากร้านไปข้างนอก (PAY BAR) เพื่อทำการร่วมประเวณีจำนวน  109 ครั้ง สามารถขยายผลติดตามเหยื่อที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้เพิ่มอีก 4 ราย และสามารถขยาย ผลหาตัวผู้ใช้บริการทางเพศได้นำไปสู่การออกหมายจับได้จำนวน 6 คน จับกุมแล้ว 3 ราย ได้แก่


1. Mr.Paul (ขอสงวนนามสกุล) สัญชาติออสเตรเลีย อายุ67 ปี(จับแล้ว)
2. Mr.Max (ขอสงวนนามสกุล) สัญชาติฝรั่งเศส อายุ68 ปี(จับแล้ว)
3. Mr.Jeffrey (ขอสงวนนามสกุล) สัญชาติอเมริกา อายุ50 ปี(หลบหนี/Red Notice)
4. Mr.Ahmed (ขอสงวนนามสกุล) สัญชาติซาอุดิอาระเบีย อายุ40 ปี(หลบหนี/Red Notice)
5. Mr.Mutu (ขอสงวนนามสกุล) สัญชาติจีน อายุ44 ปี(จับแล้ว)
6. Mr.Jesse (ขอสงวนนามสกุล) สัญชาติอเมริกา อายุ49 ปี (หลบหนี/Red Notice)

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (30 มี.ค.66) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุม้ติหมายค้นต่อศาล และร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากระทรวงพาณิชย์ เข้าทำการตรวจค้น ตรวจอายัดทรัพย์ของผู้ต้องหาที่กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ อันเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และตรวจค้นเพื่อหาพยานหลักฐานทางคดีจำนวน  36 จุด ใน 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. นนทบุรีชลบุรี ปราจีนบุรี นครสวรรค์ นครราชสีมา สุรินทร์ราชบุรี  เพชรบุรี และภูเก็ต ผลการตรวจค้นมีดังนี้
1.อายัดบัญชีกลุ่มผู้ต้องหา จำนวน 52 บัญชีเงินหมุนเวียนในบัญชี100 ล้านบาท
2.อายัดบ้าน ทาวน์เฮ้าส์จำนวน 2 หลัง มูลค่า 7,000,000 บาท
3.ห้องชุด จำนวน 1 ห้อง มูลค่า 5,000,000 บาท
4.ที่ดินเปล่า จำนวน 4 แปลง มูลค่า 10,000,0000 บาท
5.รถยนต์รถจักรยานยนต์จำนวน 4 คัน มูลค่า 500,000 บาท
6.ตรวดยึดบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาและบริษัทฯ อีก 20 บัญชี 
7.เอกสารการเกี่ยวข้องกับการเงิน และเอกสารเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา จำนวนมาก 
มูลค่าทรัพย์สินรวมที่อายัดในวันนี้ มูลค่า 22,000,000 บาท

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวหลังจากที่มีการจับกุมดำเนินคดีเจ้าของและผู้ดูแลร้านในคดีค้ามนุษย์ พร้อมกับช่วยเหลือเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้จำนวน 6 รายแล้ว ยังสามารถขยายผลดำเนินคดีกับบริษัทที่เป็นเจ้าของ โดยใช้คนไทยเป็นนอมินีได้เพิ่มอีก 3 ราย นอกจากนี้ยังขยายผลไป ยังผู้ซื้อบริการเด็กอีกจำนวน 6 ราย และช่วยเหลือเหยื่อได้เพิ่มอีก 4 ราย รวมเป็นจำนวนเหยื่อที่เป็น เด็ก 10 คน นอกจากนี้ชุดทำงานยังได้ขยายผลดำเนินการเข้าตรวจค้นเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่งมีความผิดฐานค้ามนุษย์เป็นความผิดมูลฐาน กระบวนการเหล่านี้จะเป็นกระบวนการในการดำเนินคดีพื้นฐานของความผิดฐานค้ามนุษย์ทุกคดี จะสั่งการให้ขยายผลจับกุมผู้ที่ เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งดำเนินการยึดอายัดทรัพย์เพื่อมิให้ผู้กระทำผิดสามารถกลับมากระทำผิดซ้ำได้อีก รวมทั้งเมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว จะได้นำทรัพย์สินเหล่านั้นมาช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออีกด้วย หลังจากนี้จะขยายผลเพิ่มเติม หากพบผู้กระทำผิดหรือทรัพย์สินอื่นใดที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามขั้นตอน ของกฎหมายทั้งหมด